xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพเรือเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ"แมตโม"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมของกองทัพเรือ ในการช่วยเหลือประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากพายุ "แมตโม" ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนไปแล้วนั้น ซึ่งจะส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน รวมถึงคลื่นลมแรงในทะเลนั้น กองทัพเรือได้ตระหนักถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้จัดเตรียมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบโดยทันที

พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือ จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงเรือผลักดันน้ำ เพื่อให้การสนับสนุนการผลักดันน้ำในพื้นที่ประสบภัย และให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยพื้นที่ต่างๆ ของกองทัพเรือ เตรียมให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทั้งการลำเลียงประชาชน และทรัพย์สิน ออกจากพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่เสี่ยง โดยบูรณาการและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กองทัพเรือยังคงเตรียมความพร้อมทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หน่วยของกองทัพเรือที่พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน ประกอบด้วย
ทัพเรือภาคที่ 1 : ภาคกลางและภาคตะวันออก รวมทั้งชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สมุทรปราการ สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร)
ทัพเรือภาคที่ 2 : ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี พัทลุง ปัตตานี นราธิวาส)
ทัพเรือภาคที่ 3 : ฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง สตูล)
ฐานทัพเรือกรุงเทพ และ ฐานทัพเรือสัตหีบ : กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่ออุทกภัย
กองกำลังป้องกันจันทบุรีและตราด : จังหวัดจันทบุรีและตราด รวมถึงพื้นที่ชายแดนทะเลด้านตะวันออก เกาะช้าง เกาะกูด
หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแม่น้ำโขง (นรข.) : พื้นที่ริมแม่น้ำโขง ครอบคลุมจังหวัดชายแดนภาคเหนือและอีสาน (เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี)
หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ (ฉก.นย.ภต.) : จว.นราธิวาส

ทั้งนี้ เรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้ กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในปี 2554 ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วันขนาด 225 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าจะอยู่เคียงข้างและพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำและพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยอยู่แล้ว โปรดติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ช่องทางการติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือเร่งด่วนจาก ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ในพื้นที่ใกล้เคียง (ศบภ.ทร.): 1696 (ตลอด 24 ชม.)