นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ทำไมต้องยกเลิก mou
1.มีคนเขียนปัญหา mou43 ออกมา เมื่ออ่านแล้วใช้ความรู้สึก หรือที่เขาเล่ามาเขียน ไม่ได้อ้างอิงเอกสารทางการ และยิ่งสร้างความเข้าใจผิด
2.แม้ mou43 จะมีทั้งหมด 9 ข้อ ข้อที่สำคัญคือข้อ 1 ข้อ 5 และข้อ 8 ส่วนข้อ 1 คือหัวใจ ซึ่งมีสาระหลักคือ จะร่วมกันดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ให้เป็นไปตามเอกสารต่อไปนี้
3.ข้อ1.ก อนุสัญญาระหว่างฝรั่งเศสกับสยามปีค.ศ 1904 ข้อ1.ข สนธิสัญญาระหว่างฝรั่งเศสกับสยามปี ค.ศ 1907 แต่ข้อที่เป็นปัญหาจริงๆ คือข้อ1.ค
4.ข้อ1.ค มีสาระคือ แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนกับสยามซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907
5.แผนที่ที่อ้างตามข้อ 4(ข้อ1.ค) ได้มาขยายผลโดยหนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่กต0603/1574 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2543 ว่าแผนที่ดังกล่าวคือ แผนที่แสดงเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มาตราส่วน 1:200,000 และมาตอกย้ำด้วย TOR 46 ว่าแผนที่ดังกล่าวคือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เข้าไปอีก
5.ทำไมเราจึงกังวลแผนที่ 1:200,000 เพราะเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว ไม่ได้มีคณะกรรมการปักปันเขตแดนของสยามลงนามรับรอง
6.แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่ฝรั่งเศสจัดทำฝ่ายเดียว มีความผิดพลาดอย่างมาก จากเส้นสันปันน้ำจริง(โดยเฉพาะระวางดงรัก) ซึ่งเป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่กำหนดตามอนุสัญญาค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส
7.ความผิดพลาดของแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ทำให้ศาลโลกได้ตัดสินให้ประสาทพระวิหาร ตกเป็นของกัมพูชา
8.กัมพูชาทราบว่าฝ่ายตนเองได้ประโยชน์ในแผนที่ 1:200,000 กัมพูชาจึงพยายามเสนอให้ศาลโลกตัดสินว่า เส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชากับประเทศไทย ในระวางเขาดงรัก คือเส้นที่ลากไว้บนแผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนกับสยาม เข้าใจง่ายๆคือต้องการให้ศาลโลกรับรองว่า แผนที่ 1:200,000 เป็นแผนที่กำหนดเขตแดนไทยกับกัมพูชา
9.กัมพูชายังได้ร้องขอเพิ่มเติมต่อศาลโลก ให้ชี้ขาดว่า แผนที่ตอนเขาดงรักนั้น ได้ถูกจัดทำและพิมพ์เผยแพร่ในนามของคณะกรรมการปักปันเขตแดนผสมที่ตั้งขึ้น(ฝ่ายไทยยืนยันมาตลอดว่า ฝรั่งเศสดำเนินการรวมทั้งพิมพ์เผยแพร่ฝ่ายเดียว) แสดงว่ากัมพูชาต้องการมากจึงร้องศาลโลกเพิ่มไปอีก
10.ท้ายที่สุดคำร้องของฝ่ายกัมพูชาก็ไม่เป็นผล เพราะศาลโลกไม่ได้ตัดสินรับรองเกี่ยวกับแผนที่มาตรา 1 ต่อ 2 แสน หรือตามคำร้องขอของฝ่ายกัมพูชา ศาลโลกเพียงตัดสินในตำแหน่งพิพาทกับกัมพูชาเท่านั้น
11.ปัญหาของ MOU 43 ปัญหาหลักๆจึงเกิดจากการที่รับรองนำแผนที่มาตรา 1 ต่อ 2 แสน ไปเป็นเอกสารประกอบเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทั้งๆที่อดีตที่ผ่านมาฝ่ายไทยเราเองปฏิเสธแผนที่มาตรา 1 ต่อ 2แสนนี้มาตลอด เพราะมีโอกาสที่ทำให้ฝ่ายไทยเราเสียดินแดนให้กับกัมพูชา
12.ฝ่ายกัมพูชายังมีความพยายามให้ มีการรับรองแผนที่1ต่อ2แสนมาใช้ในการเจรจาปักปันเขตแดน แม้การประชุม JBCที่พนมเปญ การแถลงวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ฝ่ายกัมพูชายังเป็นผู้แถลงฝ่ายเดียวว่า ที่ประชุมJBC เห็นพ้องให้นำแผนที่1ต่อ2แสนมาใช้เจรจา จนกระทรวงต่างประเทศของไทยเราต้องรีบแถลงค้าน
13.ยังมีประเด็นข้อ 5 ของ MOU43 ที่ระบุว่า
"เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกันเป็นไปอย่างประสิทธิผล หน่วยงานของรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านั้นจะงดเว้นการดำเนินการใด ๆ ที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน"
สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดต่อเนื่อง ด้วยการใช้ประชาชนเป็นฝ่ายบุกรุกละเมิด mou นี้ ซึ่งถือว่าไม่ขัด mou ข้อ 5 เพราะข้อนี้ระบุแต่เพียงหน่วยงานรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ ทำให้สร้างปัญหาต่อฝ่ายไทยมาก
14.ส่วนข้อ8 ของ mou 43 ยังระบุว่า
"ให้ระงับข้อพิพาทใดๆ ที่เกิดจากการตีความหรือการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้โดยสันติวิธีด้วยการปรึกษาหารือและการเจรจา" แต่ในทางปฏิบัติจริง ฝ่ายกัมพูชาได้พูดในที่ประชุมอย่างหนึ่ง และปฏิบัติจริงอีกอย่างหนึ่ง
15.จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด จึงสรุปได้ว่าการมี MOU 43 จะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบโดยเฉพาะการอ้างอิงแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ประกอบกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชาล้วนเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยของเรา จึงสมควรที่จะต้องมีการยกเลิก MOU ทั้งปี 43 และปี 44
16.เมื่อมีข่าวว่าฝ่ายไทยจะยกเลิก MOU โฆษกกระทรวงยุติธรรมของกัมพูชา ยังออกมาแถลงคัดค้าน ว่าฝ่ายไทยไม่สามารถยกเลิก MOU ฝ่ายเดียวได้ ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชา ยังกอดแน่นไว้กับ MOU
17.เมื่อเรานำแผนที่มาตรา 1 ต่อ 2 แสน มาใช้เป็นเอกสารประกอบใน MOU 43 ซึ่งอยู่ในข้อ 1.ค ประกอบกับประเทศไทยเราได้นำ MOU 43 ไปขึ้นทะเบียนต่อสหประชาชาติในปีพ.ศ 2554 การจะยกเลิก MOU 43 จึงจำเป็นต้องอ้างอิงกฎหมายระหว่างประเทศ(mou44ไม่ได้ไปขึ้นทะเบียน)
18.ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงสงคราม 5 วันระหว่างไทยกับกัมพูชา การละเมิด MOU 43 แบบต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆของกัมพูชา ถือว่าเป็นการละเมิดmouอย่างร้ายแรง จึงทำให้ฝ่ายไทยเราสามารถยกเลิก MOU 43 ฝ่ายเดียวได้ โดยอ้างอิงอนุสัญญาเวียนนาปีค.ศ 1969 มาตราที่60
19.มีข้อกังวลจากบางท่านว่า ถ้ามีการยกเลิก MOU จะไม่มีเงื่อนไขใดๆที่ผูกมัดว่ากัมพูชาจะต้องมาเจรจากับไทย และมีโอกาสที่จะถูกนำเสนอต่อศาลโลก ในความเป็นจริงแล้ว กรอบการเจรจา JBC(ตกลงกันปี2540) และ GBC /RBC(มีข้อตกลงปี2538) นั้นยังอยู่ ยังไม่ได้ถูกยกเลิก ถ้าทั้งสองประเทศพร้อมก็สามารถกลับมาเจรจากันได้ และในความเป็นจริงการเจรจาว่าระหว่างประเทศบางประเทศเราก็ไม่มี MOU เช่นการเจรจากับประเทศมาเลเซีย จนเหลือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 7,000 ตารางกิโลเมตร ในที่สุดก็ได้มาพัฒนาร่วมกัน ไม่ได้มีการใช้MOU เลย
20.มีบางท่านบอกว่าฝ่ายฮุนเซนต้องการยกเลิก MOU ถ้าได้อ่านตามเอกสารที่เขียนมาจะรับรู้เลยว่าไม่จริง เพราะแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนใน MOU 43 นั้นฝ่ายกัมพูชาได้ประโยชน์
21.มีบางท่านบอกว่าการใช้เทคโนโลยีLiDAR จะได้มีการจัดทำแผนที่ใหม่ ที่มีความละเอียดมากถึง 1 ต่อ 25:000 แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงทำแผนที่1ต่อ2แสนให้ละเอียดขึ้นเท่านั้น สิ่งที่ต้องถามกลับไปว่า ถ้าเทคโนโลยีสมัยใหม่พิสูจน์แล้วว่าสันปันน้ำ ไม่ตรงกับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ฝ่ายกัมพูชาจะยอมรับสันปันน้ำภายใต้เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้หรือไม่
22.สิ่งที่ต้องช่วยกันคิดคือ ถ้าเราคิดว่า MOU ทำให้ฝ่ายไทยเราเสียประโยชน์ เราก็ควรจะต้องยกเลิก คำถามที่ต้องถามคือควรจะยกเลิกแบบไหน ระหว่างให้เป็นอำนาจของรัฐบาลหรือทำประชามติ
23.ต้องขอบอกเลยว่า การทำประชามติ ถือว่าเป็นการโยนภาระให้ประชาชน ทั้งๆที่การลงนามใน MOU นี้ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็นเรื่องยากมากที่ประชาชนจะเข้าใจ ที่สำคัญที่สุดนโยบายต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ควรที่เอาประชามติมาผูกมัดนโยบายของรัฐบาลในอนาคต เพราะสถานการณ์โลกเป็นแปลงไปตลอดเวลา ถ้ารัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ ในอนาคตเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนการตัดสินใจอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ การทำประชามติมันคือการผูกมัดที่แน่นเกินไป
24.ส่วนเรื่อง MOU 44 การที่ไปยอมรับการมีอยู่เส้นแบ่งเขตไหล่ทวีป ของประเทศกัมพูชาที่ผ่านหรืออ้อมเกาะของอีกประเทศหนึ่ง และไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ เรื่องแบบนี้ไม่มีประเทศไหนในโลกก็ยอมกัน
นี่คือบทสรุปที่ผมพยายามรวบรวมให้เข้าใจว่า ทำไมต้องยกเลิก mou