นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะทำประชามติว่าควรยกเลิก MOU 43-44 หรือไม่ จากการสำรวจของนิด้าโพลทราบว่าประชาชนเกือบ 70% ยังไม่ทราบเนื้อหาของ MOU 43-44 ซึ่งมีความเห็นจากทั้งฝ่ายสนับสนุนให้เดินหน้าทำประชามติ และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งล้วนมีเหตุผลของตน จะอย่างไรก็ตาม เวลา 4 เดือนนี้รัฐบาลควรเร่งให้ข้อมูลเนื้อหาสาระและข้อดีข้อเสียของ MOU ทั้ง 2 ฉบับ ต่อประชาชน โดยเริ่มจากการทำคัมภีร์สรุปประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับ MOU 43-44 เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าใจ เพราะขณะนี้ประชาชนต้องทำมาหากิน ไม่มีเวลาไปศึกษาหาข้อมูล และเรื่องนี้เป็นประเด็นทางเทคนิค กฎหมายระหว่างประเทศ และเขตแดน ซึ่งแม้แต่คนที่ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องก็ยังมีความเห็นแตกต่างกันไปคนละทิศละทาง ทั้งที่เป็นความเห็นโดยสุจริตใจ และก็เป็นความเห็นที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนั้นตนเสนอให้รีบทำสรุปคัมภีร์ประเด็นสำคัญของ MOU ที่ไม่ใช่ท่าทีการเจรจาที่เป็นความลับเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาทางออนไลน์จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
นายนพดล กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะไปถามประชาชนในการทำประชามติอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้านั้น ตนเคยเสนอให้รัฐบาลมอบให้ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ไปศึกษาข้อดีข้อเสียและชั่งน้ำหนักการจะยกเลิก MOU 43-44 หรือไม่ เพราะหน่วยงานของรัฐต่างๆ ที่มีองค์ความรู้และมีหน้าที่ ได้ปฏิบัติตาม MOU มาอย่างต่อเนื่อง 20 กว่าปี เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กรมสนธิสัญญาฯ กรมแผนที่ทหาร กรมอุทกศาสตร์ และกองทัพ ควรจะมีท่าทีเกี่ยวกับข้อดีหรือข้อเสียของ MOU เพราะคุ้นเคยและเข้าใจเนื้อหาดีกว่าประชาชน ตนเห็นว่าฝ่ายบริหารสามารถสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนได้มาก
นอกจากนั้น ถ้าหลังการให้ข้อมูลและมีการถกเถียงจนตกผลึก ฝ่ายบริหารก็อาจจะมาไตร่ตรองตัดสินใจได้ว่ายังจะคงเดินหน้าทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 หรือไม่ก็ได้