นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) วิเคราะห์ผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนหยุดทำงาน ขณะที่บริการสำคัญยังดำเนินต่อได้ เบื้องต้นผลกระทบอยู่ในเชิงจิตวิทยา สร้างความกังวลต่อตลาดการเงินและความเชื่อมั่น แต่หากยืดเยื้อจะเริ่มกระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ ห่วงโซ่อุปทาน และธุรกิจที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง
สำหรับผลกระทบต่อไทย ระยะสั้น (1–2 สัปดาห์แรก): ผลจำกัด แต่ค่าเงินผันผวน บาทอ่อนอาจช่วยส่งออก แต่ทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น ระยะกลาง (หลายสัปดาห์–เดือน): กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง กระทบสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าที่ไม่จำเป็น รวมถึงการชำระเงินและเครดิตการค้าอาจล่าช้า ส่วนโลจิสติกส์: ศุลกากรและการขนส่งยังทำงาน แต่ใบอนุญาตหรือการตรวจสอบบางอย่างอาจล่าช้า
ทั้งนี้ มีข้อแนะนำผู้ส่งออก คือ เฝ้าติดตามค่าเงิน–ตลาดทุน และปรับกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง ตรวจสอบคำสั่งซื้อและเงื่อนไขการชำระเงินจากคู่ค้าในสหรัฐฯ เตรียมสภาพคล่องและวงเงินหมุนเวียน โดยเฉพาะ SME ประสานข้อมูลกับคู่ค้า–ตัวแทนในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หาตลาดสำรองในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง รวมทั้งตรวจสอบสัญญาโลจิสติกส์และประกันภัยว่าครอบคลุมเหตุสุดวิสัยหรือไม่
สำหรับข้อเสนอถึงภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ควรออกคำแนะนำเร่งด่วนแก่ผู้ส่งออก พร้อมประสานสถานทูตไทยในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณามาตรการเสริมสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีหากวิกฤตยืดเยื้อ พร้อมเร่งเปิดตลาดใหม่และสนับสนุนเชิงรุก เพื่อกระจายความเสี่ยงทางการค้า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผลกระทบยังไม่รุนแรง แต่ผู้ส่งออกที่พึ่งตลาดสหรัฐฯ สูงต้องเตรียมพร้อมทันที เพราะหากสถานการณ์ลากยาว ผลเสียต่อยอดขายและห่วงโซ่อุปทานจะเด่นชัดมากขึ้น