วันนี้ (1 ต.ค.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานผลกระทบจากพายุ “บัวลอย” ภาพรวมเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รวม 14 จังหวัด ปัจจุบันมี 10 จังหวัดที่ยังได้รับผลกระทบ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม สุรินทร์ นครราชสีมา และปราจีนบุรี โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตยังคงส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง ย้ำหน่วยงานบริหารจัดการสาธารณภัยและการใช้ทรัพยากรโดยใช้กลไกศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) และยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” พบว่าได้ส่งผลกระทบกับหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 68 – ปัจจุบัน เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม สุรินทร์ นครราชสีมา เลย ปราจีนบุรี และสระแก้ว กินพื้นที่ 31 อำเภอ 85 ตำบล 352 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 5,484 ครัวเรือน 18,647 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่นมหาสารคาม สุรินทร์ นครราชสีมา และปราจีนบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 17 อำเภอ 54 ตำบล 207 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,207 ครัวเรือน 15,563 คน
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.68) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ลำปาง ได้ส่งรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถเครน 10 ล้อ บรรทุกน้ำมัน เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกขนาดเล็ก เข้าพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ เสริมการทำงานของเครื่องจักรกลฯ ปภ. ที่มีอยู่เดิม โดยได้รับมอบภารกิจจากศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดอุตรดิตถ์แล้วให้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.ทองแสนขัน และ อ.ตรอน ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการปภ. ได้นำรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย จำนวน 4 คัน ไปช่วยอพยพประชาชนในพื้นที่หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 3 ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากเกิดน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน นอกจากนี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 ขอนแก่น ยังได้ส่งรถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ รถสูบน้ำกู้ภัยเคลื่อนที่สมรรถนะสูงแบบโมบายยูนิตพร้อมอุปกรณ์ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถบรรทุกขนาดเล็ก พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เข้าสนับสนุน จ.มหาสารคาม ในการสูบระบายน้ำออกจากเขตพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรใน อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งยังคงปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกรณีอุทกภัยจากน้ำล้นตลิ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค.68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์ จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และฉะเชิงเทรา ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังคงปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 ชัยนาท ได้ส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปช่วยจังหวัดชัยนาทและสิงห์บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ยังมีน้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยที่ จ.ชัยนาท ได้คิดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม จำนวน 3 เครื่อง ที่ ต.โพนางดำออก ต.บางหลวง และ ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ช่วยระบายน้ำในพื้นที่ ส่วนที่จังหวัดสิงห์บุรี ได้ส่งเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ และวัสดุอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ต.ประศุก ต.ทับยา และ ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้กำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในการติดตามสถานการณ์ภัยในพื้นที่ และความต้องการรับการสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานทำงานโดยใช้กลไกของศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) ในการบริหารจัดการเหตุการณ์ โดยเน้นการช่วยเหลือ การดูแลความเป็นอยู่ และการอพยพประชาชน ในช่วงที่มีสถานการณ์ภัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และการแจ้งเตือนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า บางพื้นที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews หากสถานการณ์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะส่งแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบและหากได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง