ตามที่กระทรวงกลาโหมลงคำสั่งให้ปลดเรือของกองทัพเรือออกจากระวางประจำการ เนื่องจากเรือดังกล่าวมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามอายุการใช้ราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ได้แก่ เรือหลวงปิ่นเกล้า เรือหลวงภูเก็ต เรือหลวงสมุย เรือหลวงสุริยะ รวมถึงเรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำ อีกจำนวน 4 ลำนั้น
เรือหลวงปิ่นเกล้า ได้ทำหน้าที่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปลดประจำการ ในการเป็นเรือยิงสลุตในพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ระหว่าง พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านเก่า กับ พล.ร.ท.กรวิทย์ ฉายะรถี ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านใหม่ โดยพิธีจัดให้มีขึ้นบนเรือหลวงจักรีนฤเบศ ซึ่งจอดเทียบ ณ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เรือหลวงปิ่นเกล้า (H.T.M.S. PINKLAO) เป็นเรือประเภทเรือพิฆาตคุ้มกัน ระวางขับน้ำปกติ 1,240 ตัน เต็มที่ 1,900 ตัน มีความยาว 93.27 เมตร กว้าง 11.60 เมตร กินน้ำลึก 4.54 เมตร
อาวุธปืนขนาด 76 / 50 มิลลิเมตร 3 กระบอก ปืนกล 40/60 มิลลิเมตร แท่นคู่ 3 แท่น (6 กระบอก) ท่อตอร์ปิโดแฝดสาม 2 แท่น (6 ท่อยิง) แท่นยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ 1 แท่น แท่นยิงระเบิดลึกแปดแท่น รางปล่อยระเบิดลึก 2 ราง
เครื่องจักรใช้เครื่องยนต์ดีเซลอิเล็กทรอนิกส์ชนิดมอเตอร์จำนวน 4 เครื่อง กำลัง 6,000 แรงม้า ใบจักรคู่ ความเร็วได้สูงสุด 19.5 นอต ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต รัศมีทำการที่ความเร็วสูงสุด 4,500 ไมล์ รัศมีทำการที่ความเร็วมัธยัสถ์ 11,500 ไมล์ กำลังพลประจำเรือ 192 นาย
เรือหลวงปิ่นเกล้า เดิมชื่อเรือ HEMNINGER (DE 746) ต่อที่อู่เวสเทิร์นไปป์ แอนด์สตีล คอมพานี เมืองซานเปโดร แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา วางกระดูกงูวันที่ 8 พฤษภาคม 2486 ปล่อยเรือลงน้ำ 12 กันยายน 2486
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2502 สหรัฐอเมริกาได้มอบเรือให้ไทยเช่ายืม มีกำหนด 5 ปี โดยขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือไทย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2502 ต่อมาเมื่อครบกำหนดได้มีการต่อสัญญา จนกระทั่งไทยได้รับมอบจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร
ระหว่างปี 2508-2509 กองทัพเรือได้ส่งเรือหลวงปิ่นเกล้าไปติดอาวุธเพิ่มที่เกาะกวม คือท่อตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ 6 ท่อยิง ติดตั้งเครื่องควบคุมการยิงและเปลี่ยนเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์บางส่วน
ทั้งนี้ เรือหลวงปิ่นเกล้าได้ขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือ ตราบจนปลดระวาง รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 66 ปี