น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยระบุว่า รัฐบาลนี้ถือเป็นรัฐบาลพิเศษที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ไม่ปกติ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า การที่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น รู้เห็นเป็นใจกับสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ที่ออกมา ระบุว่าไทยกำลังจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีภายใน 3 เดือนหรือไม่ และยังตั้งคำถามว่า MOA ที่ใช้จัดตั้งรัฐบาลอาจเป็นเพียงฉากหน้า ไม่ได้ยึดถือปฏิบัติจริง พร้อมยกตัวอย่างว่า เพียงวันโหวตเลือกนายกฯ ก็มี สส. หลายกลุ่มย้ายเข้าภูมิใจไทยอย่างเปิดเผย เท่ากับฉีกข้อตกลงไม่ให้กลายเป็นเสียงข้างมาก ขณะที่คำแถลงนโยบายรัฐบาลยาวถึง 7 หน้า แต่กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 3 บรรทัด ทั้งที่เป็นหัวใจสำคัญใน MOA สะท้อนว่ารัฐบาลอาจไม่ตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก
ในส่วนคดีความ เช่น ที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. ซึ่งเกี่ยวพันกับตัวผู้นำรัฐบาล กลับไม่มีคำตอบชัดเจน นอกจากอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง อันเป็นการส่งสัญญาณกดดันเจ้าหน้าที่ ขัดกับหลักนิติธรรมที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ ทั้งนี้ ยังมีการเรียกนายกรัฐมนตรี และ สว. ที่เกี่ยวข้องคดีฮั้ว สว. ว่า "ผู้ต้องหา"
น.ส. จิราพร กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ต่างจากรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร เพียงแต่ขาดมาตรา 44 เท่านั้น พร้อมท้าทายนายอนุทิน หากจริงใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญจริง ต้องเชิญชวนสมาชิกวุฒิสภามาสัญญาต่อหน้าสภา
น.ส.จิราพร กล่าวสรุปว่า MOA ไม่ได้พาประเทศเข้าสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่เป็นการต่ออายุฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้กลับมามีอำนาจครบมือ และยืนยันบทบาทฝ่ายค้านว่า 4 เดือนต่อจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะทำให้เป็น 4 เดือนแห่งการตรวจสอบเข้มข้นที่สุด ใช้ทุกกลไกรัฐสภา เพื่อให้ประชาชนตัดสินว่ารัฐบาลนี้สมควรเดินหน้าต่ออีก 4 ปีหรือไม่