วันนี้ (27 ก.ย.) ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ติดตาม สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน นายเดช เล็กวิชัย นายฐนันดร์ สุทธิพิศาล นายวรพจน์ เพชรนรชาติ รองอธิบดีกรมชลประทาน ตลอดจนคณะผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และรายงานสถานการณ์น้ำ
สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 2,368 ลบ.ม./วินาที ก่อนจะไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำที่มาจากแม่น้ำสะแกกรัง และไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ตามลำดับ กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมควบคุมการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 2,100 ลบ.ม./วินาที ด้านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบายน้ำ 600 ลบ.ม./วินาที ก่อนจะรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์ และควบคุมปริมาตรน้ำผ่านเขื่อนพระราม 6 ในเกณฑ์ 567 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำ
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 12 เร่งกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับมือทั้งสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วม อีกทั้งกำชับให้บำรุงรักษาอาคารชลประทานอย่างต่อเนื่อง จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง บูรณาการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ในส่วนของ สำนักงานชลประทานที่ 10 รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้สั่งการให้เร่งติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างฝายบ้านซับตะเคียน พร้อมทั้งได้กำชับให้กรมชลประทาน ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างจริงจังและต่อเนื่อง