พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Wanchana Sawasdee ระบุว่า บนภูมะเขือ มีช่องหลบภัยและใช้เป็นที่แอบสำหรับซุ่มยิงได้ด้วย ภายในอยู่ได้ประมาณ 20 คน เป็นโพรงถ้ำธรรมชาติมีช่องออก 2 ช่องที่หน้าผา โดยเขมรทำทางขึ้นมาที่ช่อง 2 ช่อง และเข้ามาในโพรง และทำบันไดทางขึ้นมาด้านบน โดยก่อกำแพงปูนเป็นปล่องสำหรับขึ้นมาบนยอดภู ถือว่าเป็นที่มั่นดัดแปลงที่แข็งแรงยากต่อการโจมตีจากภายนอก
ดังนั้นการที่ทหารไทยเข้าตียึดภูมะเขือได้แบบเบ็ดเสร็จถือว่าเก่งมากจริงๆ และคาดว่า โพรงนี้เป็นช่องทางที่ทหารเขมรมุดลง เพื่อถอดหนีไปตอนที่ทหารไทยบุกขึ้นมายึด แม้จะเก็บศพทหารเขมรส่งกลัยไปแล้ว แต่ช่วงนั้นยังได้กลิ่นศพเน่าอยู่ คาดว่าคงเสียชีวิตติดอยู่บริเวณหน้าผาจำนวนหนึ่ง แต่ก็มากพอที่จะได้กลิ่นเน่าเหม็นโชยมา และถ้าถามว่าทางการเขมรมาเก็บศพกลับไปไหม ก็ตอบได้ว่า ไม่ได้มาเก็บและไม่คิดจะเก็บ แต่ที่กลิ่นศพหายไปคงหายไปเพราะ เน่าเปื่อยและร่วงหล่นลงไปด้านล่างเป็นอาหารของนกแร้งและสัตว์ป่าตามสภาพ ป่านนี้คงเหลือแต่กระดูกและยากต่อการพิสูจน์อัตลักษณ์ น่าสงสารญาติพี่น้องของทหารเขมรที่ไม่มีโอกาสได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา