นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ส.ส.หนีไปลงพื้นที่-เร่ขายตัว ทำสภาล่ม
จากกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มระหว่างการพิจารณาพระราชบัญญัติ หรือ พรบ.บริหารจัดการอากาศสะอาด หรือที่เรียกว่า กฎหมายอากาศสะอาด เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะ คงจะไม่เกิดขึ้นทุกวัน
แต่ในความเห็นของผม เห็นว่าสถานภาพของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีเจ้าภาพในเรื่ององค์ประชุม เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเสียงข้างมาก จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อองค์ประชุม แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สามารถรักษาองค์ประชุมได้ ถ้าปราศจากความร่วมมือของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 2 พรรคใหญ่ คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน
ดังนั้นทุกครั้งที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้ามีการขอนับองค์ประชุมเมื่อไหร่ เชื่อว่าสภาก็จะล่มทุกครั้ง การประชุมครั้งที่ผ่านมา มีการพิจารณาเรื่องพรบ.อากาศสะอาด ซึ่งเป็นกฎหมายของพรรคเพื่อไทย แต่สำหรับจำนวนองค์ประชุม ซึ่งโดยมารยาทพรรคเพื่อไทยจะต้องระดม ส.ส.เข้ามาเป็นองค์ประชุม เพื่อให้กฎหมายของพรรคเพื่อไทยเสนอผ่านไปได้ แต่ครั้งที่ผ่านมาสภาล่ม เพราะพรรคเพื่อไทยผู้เป็นเจ้าของร่างกฎหมายไม่มาเป็นองค์ประชุม
บรรยากาศของสภาผู้แทนราษฎรในตอนนี้ ส.ส.ต่างไม่มีกะจิตกะใจที่จะร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร หรือทำงานด้านนิติบัญญัติแล้ว เป็นการนับถอยหลังถอยหลังไปสู่การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ทำให้ ส.ส.ส่วนใหญ่ในเลือกปฏิบัติอยู่2แนวทาง คือ
1.ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการลงพื้นที่เลือกตั้ง การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันพุธ-วันพฤหัสนั้น ในวันพฤหัสช่วงบ่ายส.ส.ทุกคนจะลงพื้นที่ เพื่อไปเตรียมพื้นที่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จัดตั้งหัวคะแนน วางระบบเครือข่าย ไม่มีเวลาทุ่มเทให้กับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอีกแล้ว
2.จะมี ส.ส.ส่วนหนึ่ง ที่คิดจะย้ายพรรค ตัดสินใจทางการเมืองหาพรรคสังกัดใหม่ เลือกพรรคที่มีทรัพยากรทางด้านการเงิน หรือเงินทุนเป็นจำนวนมาก เพียงพอที่จะสนับสนุนให้นักเลือกตั้งไปซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะเห็นสภาพตลาดนัดส.ส. เหมือนกับตลาดนัดวัวควายของเกษตรกร
ระหว่างนี้ไปจนถึงการยุบสภา ระยะเวลา 4 เดือน ส.ส.เร่ขายตัว จะโก่งค่าตัว จะมีการย้ายพรรคกันจากอุตลุด จึงทำให้บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าหลังจากนี้จะเห็นบรรยากาศของการประชุมสภาล่มแล้วล่มอีก และจะเห็นส.ส.ที่ทุ่มเทให้กับงานนิติบัญญัติน้อยมาก
จึงอยากจะเรียกร้องว่า เวลาที่เหลือส.ส.จะต้องทำงานต่อไป เพราะยังกินเงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชน ก็ต้องทำงานให้คุ้มค่ากับเงินเดือนที่เป็นภาษี ไม่ควรจะเบียดบังเวลาของสภาผู้แทนราษฎรไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อไปเร่ขายตัว หาเงินทุนมาซื้อเสียงการเลือกตั้ง
อยากให้พรรคการเมืองที่มีบทบาทอยู่ในขณะนี้ ที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในขณะนี้เพียง3พรรค คือพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆบทบาทน้อยมาก มีความเคลื่อนไหวน้อยมาก เสมือนกับสภาชุดนี้มีพรรคการเมืองอยู่เพียง3พรรคเท่านั้น และทั้ง3พรรคจะเกี่ยงกันไปมาเกี่ยวกับองค์ประชุม โบ้ยกันไปมาว่า พรรคนั้นบ้าง พรรคนี้บ้างไม่มาประชุม ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจมาก
จึงอยากให้ทุกฝ่ายได้ช่วยกันรักษาเกียรติภูมิของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย