นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า อนุทิน ถือธงนำแก้ รธน.
แม้ว่าเงื่อนไขการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะอยู่ใน MOAระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการยกมือสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม และในขณะนี้มีพรรคการเมืองที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้อยู่3พรรค คือพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ได้เสนอรูปแบบหรือโมเดลที่มาของ สสร.ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งแต่ละพรรคได้เสนอรูปแบบที่มาแตกต่างกัน มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงที่มาของ สสร.ว่าเป็นสสร.สีน้ำเงินหรือไม่ หรือจะถูกครอบงำจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ เป็นเรื่องที่ถกเถียง และเคลื่อนไหวกัน 3 พรรค ทั้งๆ ที่ในสภาผู้แทนราษฎร มีพรรคการเมืองอยู่หลายพรรค แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า ทำไมจึงมีเพียงแค่ 3 พรรคเท่านั้น ที่ได้เสนอรูปแบบการร่างรัฐธรรมนูญผ่านที่มาของสสร. ทำไมพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่กระตือรือร้น หรือมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ หรือเป็นการคิดเฉพาะบางกลุ่ม บางพรรคเท่านั้น ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ ไม่มีบทบาทใดๆในเรื่องนี้เลย
อยากให้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ไม่สามารถเลือกสสร.โดยตรงเพื่อร่างรัฐธรรมนูญได้ ก็อยากจะให้พรรคการเมืองที่มีที่นั่ง ส.ส.อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ช่วยกันคิดช่วยกันนำเสนอรูปแบบของสสร.เพื่อไม่ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือรูปแบบที่มาของสสร.อยู่ในพรรคการเมืองเพียง 3 พรรค จะให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ เชิญพรรคการเมืองทุกพรรค ที่มีอยู่ในที่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรได้ประชุม และเสนอความเห็นเพื่อจะได้ตกผลึกทางความคิดว่า รูปแบบที่มาของ สสร.ในการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นรูปแบบใด
ไม่อยากให้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของคนบางกลุ่ม บางพวก หรือบางพรรคเท่านั้น เมื่อเรามีผู้แทนราษฎรพรรคการเมืองมีที่นั่งส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองเหล่านั้น เสนอรูปแบบ เสนอความเห็นมายังฝ่ายรัฐบาล และรัฐบาลต้องรวบรวมความเห็นทั้งหมด เพื่อนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อตกผลึกทางความคิดแล้ว ได้ข้อยุติในเรื่องรูปแบบการได้มาซึ่ง สสร.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือยกร่างรัฐธรรมนูญ จะได้ชื่อว่าทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
ผมขอเสนอให้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มารูปแบบของ สสร. ควรจะมีเจ้าภาพไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรคการเมืองเพียง 3 พรรคเท่านั้น และขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกวุฒิสภาด้วย แม้ว่าสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ จะถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาสายสีน้ำเงิน หรือ ส.ว.สีน้ำเงินก็ตาม แต่เมื่อ ส.ว.ชุดนี้มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านความเห็นชอบของ ส.ว.ด้วย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส.ว. มีบทบาทสำคัญ ควรให้ความสำคัญด้วย ถ้าหากส.ว.ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาเคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ ที่แก้ได้มีเพียงฉบับเดียว ก็คือรูปแบบการเลือกตั้ง นอกจากนั้นทุกร่างในการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกตีตกหมด ไม่ผ่านมติของ ส.ว.ทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ส.ว.จึงมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จึงอยากให้รัฐรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ และรับฟังความเห็นสมาชิกรัฐสภา พรรคการเมืองทุกพรรค และในส่วนของส.ว.ด้วย เพื่อให้ได้ข้อสรุปได้ข้อยุติ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสำหรับการยกร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือที่มาของ สสร.
จึงฝากไปยังรัฐบาล อยากจะให้ได้แสดงบทบาทนำ และถือธงนำในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ด้วย