จากเหตุการณ์ถนนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่่ผานมานั้น ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และ อ.ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ถนนยุบตัวที่เกิดขึ้นอาจเป็นหลุมยุบที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยมีปัจจัยเสี่ยงจาก 1.ชั้นดินอ่อน 2.น้ำในดินที่มีอยู่ในธรรมชาติหรือจากท่อน้ำ และ 3. การก่อสร้างใต้ดิน ซึ่งมีอุโมงค์ และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
ทั้งนี้ แนะนำว่า จะต้องมีการทบทวนระบบการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินในชั้นดินอ่อนใหม่ทั้งหมด ดังนี้
1. หาสาเหตุที่ถนนยุบให้ได้โดยเร็ว โดยคณะกรรมการฯ ที่มีความเป็นกลาง ประกอบด้วยหน่วยงานทางวิชาการและวิชาชีพ รายงานการสอบสวนสาเหตุจะต้องเปิดเผยสู่สาธารณะ โดยไม่ปิดบัง เพื่อให้หน่วยงานวิศวกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการ ได้แสดงความคิดเห็น
2. จัดการปัญหาเหตุการณ์นี้โดยด่วนเพื่อป้องกันดินเคลื่อนตัวเพิ่มเติม โดยแบ่งการจัดการออกเป็น 3 พื้นที่ได้แก่ 1. ส่วนที่เป็นหลุมยุบ 2. โครงสร้างข้างเคียงที่ได้รับความเสียหาย และ 3. อุโมงค์ และรอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานีซึ่งอาจแตกร้าวเสียหาย ซึ่งต้องพิจารณาทางเลือกทางวิศวกรรมที่เหมาะสม เช่น การซ่อมแซมหรือเสริมกำลังโครงสร้างข้างเคียง การตรวจวัดการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง การรักษาสมดุลของดิน เป็นต้น
3. ตรวจสอบซ้ำในโครงการอื่นๆ ที่มีการก่อสร้างในลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งที่กำลังก่อสร้างขณะนี้ และที่ก่อสร้างในอนาคต อาจจะต้องเพิ่มสัดส่วนความปลอดภัยทางวิศวกรรมให้สูงขึ้นกว่าที่ใช้ในปัจจุบัน
4. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรมสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินในชั้นดินอ่อน จัดให้มีระบบหรืออุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินแบบต่อเนื่องและเรียลไทม์ และมีระบบแจ้งเตือนการทรุดตัวล่วงหน้า เพื่อให้ปิดการจราจรหรือแจ้งเตือนประชาชนรอบข้างได้ทันท่วงที
ทั้งนี้ แนะนำว่า จะต้องมีการทบทวนระบบการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินในชั้นดินอ่อนใหม่ทั้งหมด ดังนี้
1. หาสาเหตุที่ถนนยุบให้ได้โดยเร็ว โดยคณะกรรมการฯ ที่มีความเป็นกลาง ประกอบด้วยหน่วยงานทางวิชาการและวิชาชีพ รายงานการสอบสวนสาเหตุจะต้องเปิดเผยสู่สาธารณะ โดยไม่ปิดบัง เพื่อให้หน่วยงานวิศวกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการ ได้แสดงความคิดเห็น
2. จัดการปัญหาเหตุการณ์นี้โดยด่วนเพื่อป้องกันดินเคลื่อนตัวเพิ่มเติม โดยแบ่งการจัดการออกเป็น 3 พื้นที่ได้แก่ 1. ส่วนที่เป็นหลุมยุบ 2. โครงสร้างข้างเคียงที่ได้รับความเสียหาย และ 3. อุโมงค์ และรอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานีซึ่งอาจแตกร้าวเสียหาย ซึ่งต้องพิจารณาทางเลือกทางวิศวกรรมที่เหมาะสม เช่น การซ่อมแซมหรือเสริมกำลังโครงสร้างข้างเคียง การตรวจวัดการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง การรักษาสมดุลของดิน เป็นต้น
3. ตรวจสอบซ้ำในโครงการอื่นๆ ที่มีการก่อสร้างในลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งที่กำลังก่อสร้างขณะนี้ และที่ก่อสร้างในอนาคต อาจจะต้องเพิ่มสัดส่วนความปลอดภัยทางวิศวกรรมให้สูงขึ้นกว่าที่ใช้ในปัจจุบัน
4. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรมสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินในชั้นดินอ่อน จัดให้มีระบบหรืออุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินแบบต่อเนื่องและเรียลไทม์ และมีระบบแจ้งเตือนการทรุดตัวล่วงหน้า เพื่อให้ปิดการจราจรหรือแจ้งเตือนประชาชนรอบข้างได้ทันท่วงที