นางสาววรรณวิภา ไม้สน สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก นายอนุวัฒน์ หวังพนาวงศ์ ตัวแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำความเดือดร้อนของประชาชนมายื่นต่อกรรมาธิการฯ และกลุ่มผู้มีอำนาจที่ต้องดำเนินการใดๆ ในพื้นที่บ้าง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เจอสถานการณ์หลายอย่าง ซึ่งเมื่อมีข้อพิพาท คนชายแดนก็ตื่นตระหนก และเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือการพิจารณาเรื่องต่างๆ คนชายแดนก็จะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ เมื่อมีการปะทะ คนชายแดนก็เป็นคนกลุ่มแรกที่จะต้องออกจากพื้นที่และต้องปิดกิจการ แต่เมื่อเหตุการณ์สงบลง มาตรการต่างๆ ก็ยังคงใช้อยู่ ซึ่งคนชายแดนส่วนมากได้รับผลกระทบต่อเรื่องนี้ ทั้งรายได้และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งที่ทุกคนต้องเจออาจจะอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากความเข้าใจของทุกคน ทุกครั้งที่สื่อลงพื้นที่ก็นำเสนอในมุมมองของตัวเอง
วันนี้จึงนำข้อมูลความเดือดร้อนของคนบริเวณชายแดน ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็นำมาเสนอทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น 4 เรื่อง ได้แก่
1. เรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง หลายครอบครัวเผชิญปัญหา เช่น ไม่มีรายได้เลย ตลอดระยะเวลา 4 เดือน จนรถถูกยึด และต้องดรอปเรียนลูกเพราะไม่มีเงินส่งเรียน ขณะที่กลุ่มคนขับรถโดยสารสาธารณะ รถก็ถูกยึด พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นพื้นที่อ่อนไหวในทุกๆ ด้านในขณะนี้ แต่ผู้นำครอบครัวต้องทยอยออกจากพื้นที่เพื่อหาช่องทางในการครองชีพ พื้นที่ตรงนี้ก็จะเหลือแค่กลุ่มเปราะบางคือเด็กและคนชรา
2. ความมั่นคง ความอุ่นใจต่อการดูแลคนในพื้นที่ต่อไป
3. สุขภาพจิตของคนในพื้นที่ย่ำแย่มากจากความท้อแท้สิ้นหวังและความไม่แน่นอนทั้งหลาย และ
4.การยั่วยุปลุกปั่นภายในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนต่างประเทศเราไม่สามารถห้ามได้ เพราะเกิดจากคนที่อยู่นอกพื้นที่ แต่ในประเทศก็มีการปลุกปั่นเช่นเดียวกัน ซึ่งคนในพื้นที่ร้องขอให้ชีวิตความเป็นอยู่กลับมา มีการเยียวยาบ้าง เปิดด่าน แต่เมื่อโพสต์ลงไปในโลกโซเชียลกลับได้คำตอบว่า เห็นแก่ตัว ขายชาติ พวกเขาอดทนทำทุกอย่าง คนแรกที่อยู่หน้าแนว คนที่สนับสนุนทหารคือกลุ่มพวกนี้ จนถึงทุกวันนี้การเยียวยาไม่ได้ถึงพวกเขาอย่างดีพอ เราได้รับความเดือดร้อนมาแล้ว 4 เดือนเต็ม สิ่งที่รอปัจจุบันนี้เพียงแค่ขอความช่วยเหลือจากคนไทยด้วยกันให้เราได้หายใจหายคอได้คล่องขึ้นบ้าง ให้มีทิศทางได้มีโอกาสในอนาคตที่สดใสเกิดขึ้นบ้าง หรือถ้าจะมีนโยบายอะไรออกมาก็ควรจะเริ่มดำเนินการได้แล้ว เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ได้ดีขึ้นบ้าง
ด้านนางสาววรรณวิภา กล่าวว่า การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ติดปัญหา เนื่องจากยังไม่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้มีการแก้ไขเอกสารจึงไม่ทันการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม ดังนั้นขณะนี้รอเพียงมติของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพราะขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเยียวยาแล้วกว่า 250,000 คน แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ ดังนั้นกรรมาธิการฯ จึงต้องเร่งทำหนังสือด่วนไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งพิจารณาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบบริเวณชายแดนในลำดับต้นๆของการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกๆ เพื่อให้เกิดการเยียวยาประชาชนบริเวณชายแดนอย่างเร็วที่สุด