ตามที่ได้มีการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ได้นำเสนอข้อเสนอขอของจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศด้านจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบันเตียเมียนเจย ดังนี้
1.ขอเสนอให้คงสภาพเดิมไว้โดยเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และผลการประชุม GBC สมัยพิเศษเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ผลการประชุม RBC ที่ผ่านมา และผลการประชุมพิเศษ GBC เมื่อวันที่10 กันยายน 2568 และไม่ขยายขอบเขตของปัญหาหรือความขัดแย้ง โดยรอมติจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ คือ กัมพูชา - ไทย ในอนาคต
2.เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบันทึกความเข้าใจร่วม MOU ปี 2544 และ TOR ปี 2546 ฝ่ายไทยต้องอนุญาตให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดินทางกลับไปในพื้นที่ของตนเองได้ และจะต้องทำการรื้อถอนลวดหนาม ผ้าสแลน และยางรถยนต์ออกจากพื้นที่ที่ไทยได้วางไว้
3.ขอให้ฝ่ายไทยงดเว้นการกระทำใดๆ เช่น การติดตั้งรั้วลวดหนามเพิ่มเติม การออกหนังสือถือครองกรรมสิทธิ์ การทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ติดรั้วลวดหนาม และการกระทำใด ๆ ในพื้นที่ หรือบริเวณพื้นที่ที่คณะกรรมการ JBC ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ตกลงกัน
4.กรณีที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจังหวัด จะต้องส่งเรื่องไปยัง GBC หรือ JBC จังหวัดสระแก้ว ได้พิจารณา
ขณะที่จังหวัดสระแก้วได้พิจารณาข้อเสนอของผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา และได้มีหนังสือตอบข้อเสนอดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. จังหวัดสระแก้วขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำ "อพยพออกไป" ให้พ้นแนวพื้นที่อ้างสิทธิ์ ตลอดแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว ทุกพื้นที่ โดยให้ส่งแผนการอพยพให้จังหวัดสระแก้ว ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป ที่จะจัดขึ้นภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2568
2. ให้จังหวัดบันเตียเมียนเจย ปฏิบัติตามข้อเสนอของจังหวัดสระแก้วทั้ง 8 ข้อ ที่ได้เสนอในการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย เมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน 2568 หากไม่ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว จังหวัดสระแก้วจะแจ้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ในระหว่างวันที่ 25-27 กันยายน 2568 และจะไม่มีการเจรจาในระดับจังหวัดอีกต่อไป
3. จังหวัดสระแก้ว พร้อมดำเนินการกับผู้ที่รุกล้ำอธิปไตย หรือขโมยทรัพย์สินของทางราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนคนไทยตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเด็ดขาด ในขอบเขตอธิปไตยของประเทศไทย
1.ขอเสนอให้คงสภาพเดิมไว้โดยเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และผลการประชุม GBC สมัยพิเศษเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ผลการประชุม RBC ที่ผ่านมา และผลการประชุมพิเศษ GBC เมื่อวันที่10 กันยายน 2568 และไม่ขยายขอบเขตของปัญหาหรือความขัดแย้ง โดยรอมติจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ คือ กัมพูชา - ไทย ในอนาคต
2.เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบันทึกความเข้าใจร่วม MOU ปี 2544 และ TOR ปี 2546 ฝ่ายไทยต้องอนุญาตให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดินทางกลับไปในพื้นที่ของตนเองได้ และจะต้องทำการรื้อถอนลวดหนาม ผ้าสแลน และยางรถยนต์ออกจากพื้นที่ที่ไทยได้วางไว้
3.ขอให้ฝ่ายไทยงดเว้นการกระทำใดๆ เช่น การติดตั้งรั้วลวดหนามเพิ่มเติม การออกหนังสือถือครองกรรมสิทธิ์ การทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ติดรั้วลวดหนาม และการกระทำใด ๆ ในพื้นที่ หรือบริเวณพื้นที่ที่คณะกรรมการ JBC ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ตกลงกัน
4.กรณีที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจังหวัด จะต้องส่งเรื่องไปยัง GBC หรือ JBC จังหวัดสระแก้ว ได้พิจารณา
ขณะที่จังหวัดสระแก้วได้พิจารณาข้อเสนอของผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา และได้มีหนังสือตอบข้อเสนอดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. จังหวัดสระแก้วขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำ "อพยพออกไป" ให้พ้นแนวพื้นที่อ้างสิทธิ์ ตลอดแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว ทุกพื้นที่ โดยให้ส่งแผนการอพยพให้จังหวัดสระแก้ว ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป ที่จะจัดขึ้นภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2568
2. ให้จังหวัดบันเตียเมียนเจย ปฏิบัติตามข้อเสนอของจังหวัดสระแก้วทั้ง 8 ข้อ ที่ได้เสนอในการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย เมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน 2568 หากไม่ดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว จังหวัดสระแก้วจะแจ้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ในระหว่างวันที่ 25-27 กันยายน 2568 และจะไม่มีการเจรจาในระดับจังหวัดอีกต่อไป
3. จังหวัดสระแก้ว พร้อมดำเนินการกับผู้ที่รุกล้ำอธิปไตย หรือขโมยทรัพย์สินของทางราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนคนไทยตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเด็ดขาด ในขอบเขตอธิปไตยของประเทศไทย