xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าหารือนายกฯ ชงข้อเสนอ 7 เสาหลักฟื้นเศรษฐกิจไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ต้อนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะ ในโอกาสเข้าพบหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยระยะเร่งด่วน โดยปัจจุบันภาคธุรกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ราคาสินค้าเกษตรและการส่งออกที่ปรับตัวลดลง ต้นทุนพลังงานและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการเมืองระหว่างประเทศ หอการค้าไทยจึงได้ระดมข้อคิดเห็นจากเครือข่ายหอการค้าทั่วประเทศ ทั้งหอการค้าจังหวัด สมาคมการค้า หอการค้าต่างประเทศ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ จัดทำเป็นข้อเสนอ 7 เสาหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณาใช้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

นายพจน์ กล่าวว่า รายละเอียด 7 ข้อหลัก ได้แก่

1. Rebuild Confidence Plan เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศและนักลงทุน ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัย
2. Liquidity for SMEs & Households เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ให้ผู้ประกอบการและครัวเรือนเข้าถึงแหล่งทุนได้สะดวก
3. Ease Cost of Living ลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนของประชาชน
4. Seamless Trade ค้าขายคล่อง ส่งเสริมการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ค้าขายเป็นธรรม (Fair Trade) สร้างความสามารถแข่งขันให้ SMEs
5. Safety & Security of Thailand ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด และสังคมออนไลน์
6. Trade War Response เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกและความผันผวนค่าเงิน และ
7. Boost Demand & Tourism กระตุ้นกำลังซื้อและส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ

นายพจน์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอในระยะเร่งด่วน 4 เดือน หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินมาตรการสำคัญหลายด้านอย่างทันที เริ่มจากการค้าระหว่างประเทศ ที่ควรเร่งรัดการเจรจากับสหรัฐภายใต้กรอบ Reciprocal Tariff (RT) ควบคู่กับการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และการขยายตลาดใหม่ในภูมิภาคที่มีศักยภาพ อาทิ จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง

ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรดูแลค่าเงินบาทเชิงรุกให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ราว 34–35 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อรักษาความได้เปรียบด้านการส่งออก ในมิติของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเดินหน้ามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อที่ประชาชนคุ้นเคย อาทิ คนละครึ่ง, Easy E-Receipt รวมถึงรณรงค์ใช้ของไทย ฟื้นเอสเอ็มอี พร้อมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 เพื่อช่วยเพิ่มการจ้างงาน ส่วนภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลควรตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ และยกระดับมาตรการความปลอดภัย โดยเฉพาะในตลาดนักท่องเที่ยวจีน ควบคู่กับการลดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์หมวดไลฟ์สไตล์ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่

นายพจน์ กล่าวว่า มาตรการสำหรับภาคธุรกิจเอสเอ็มอี ขอให้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเสียหายจากหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) และเร่งผลักดันโครงการ THAI SME-GP ด้านแรงงาน รัฐบาลควรกำหนดการปรับค่าจ้างตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน โดยใช้กลไกไตรภาคี รวมถึงหาทางออกต่อปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ประชาชนควรได้รับการบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านมาตรการลดดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี และการปรับลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 50% เป็นเวลา 1 ปี และควรเดินหน้านโยบาย Zero Corruption และบูรณาการการปราบปรามปัญหาสังคม ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ กลโกงออนไลน์ และการพนันอย่างจริงจัง

นายพจน์ กล่าวว่า ส่วนมาตรการในระยะกลาง 8 เดือน หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาออกภายใน 7-14 วัน เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ส่งออก พร้อมกันนี้ ภาครัฐควรร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา จัดตั้งกลไกการพัฒนาทักษะบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเน้นสาขาที่มีศักยภาพสูง เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ ยานยนต์สมัยใหม่ และเกษตร–อาหารสมัยใหม่ อีกทั้งยังควรมีมาตรการสนับสนุนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและคูปองฝึกอบรม ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยใช้แนวทางปรับโครงสร้างหนี้และขยายวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ถูกกฎหมาย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบควรถูกขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ด้วยการใช้มาตรการ Regulatory Guillotine เพื่อลดความซ้ำซ้อน ลดภาระที่ไม่จำเป็น และช่วยให้ภาคธุรกิจดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายพจน์ ย้ำว่า ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพียงมาตรการเฉพาะหน้า แต่คือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ที่จะสร้างความหวังและความเชื่อมั่น หากรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนร่วมมือกันอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง หอการค้าเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาแข็งแรง และพร้อมสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศและสังคมไทยได้