xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าอีสานของ รบ.เร่งแก้ผลกระทบการค้าชายแดน-ฟื้นท่องเที่ยว-ยกเลิกค่าแรง 400 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสมชาติ พงคพนาไกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า จากการสอบรวมข้อเสนอจากสมาชิกหอการค้าภาคอีสาน ส่งให้กับหอการค้าไทยส่วนกลาง เพื่อรวมกับข้อเสนอหอการค้าทั่วประเทศและใช้เป็นข้อมูลในการประชุมหารือระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ กับ ประธานและคณะกรรมการหอกาค้าไทย ในวันที่ 18 กันยายน นั้น แผนในระยะสั้น(คลิกวิน) ภาคอีสาน เน้นขอให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นกำลังซื้อ ออกมาตรการช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ทั้งในแง่การลดต้นทุนผู้ประกอบการและภาระค่าใช้จ่ายประชาชน

นายสมชาติ กล่าวว่า ประเด็นที่หอการค้าภาคอีสาน อยากเห็นหลัง ครม.เริ่มทำงาน สำคัญๆ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ประเด็นแก้ปัญหาผลกระทบจากการค้าชายแดน หลังเกิดเหตุปะทะและปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับว่าการเปิดด่านการค้าชายแดนคงไม่อาจทำได้จนกว่าจะได้ข้อตกลงด้านความมั่นคง จึงเชื่อว่าจะมีการชะลอเปิดด่านไปก่อน ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการในพื้นที่ปรับตัวได้มากแล้ว สำหรับการค้าผ่านแดนได้ปรับเส้นทางและใช้ขนส่งทางเรือมากขึ้น แต่ต้องปรับภาระค่าระวางเรือที่สูงขึ้นถึง 5 เท่า หรือปรับผ่านเส้นทางชายแดนไทย-ลาว และมูลค่าการค้าที่หายไป จึงเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเป็นการเฉพาะใน 7 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ มาตรการลดหย่อนภาษี ช่วยเหลือยกเว้นเก็บภาษีที่ดิน/สิ่งปลูกสร้างและภาษีป้าย 90% เป็นเวลา 1 ปี ยกเว้นดอกเบี้ยสินเชื่อหรือจัดเก็บในอัตราต่ำสุด ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาชน ขอให้เตรียมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและปล่อยกู้ให้กับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปิดชายแดน วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท/ราย ดอกเบี้ยไม่เกิน1%ต่อปี ระยะโครงการ 1 ปี ชะลอจ่ายผ่อนเงินต้นและเว้นดอกเบี้ยให้กับธุรกิจเป็นเวลา 1 ปี

2. เร่งฟื้นธุรกิจท่องเที่ยว เห็นด้วยกับโครงการเที่ยวคนละครึ่ง แต่เพื่อช่วยการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง คืออยากให้สั่งการหน่วยงายรัฐและองค์กร เข้าไปจัดสัมมนาหรือประชุม หรือ ท่องเที่ยว ในภาคอีสาน โดยเฉพาะ 4 จังหวัดติดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยหายไปเกือบหมด โดยเฉพาะต่างชาติ เพราะมองภาพเหตุการณ์ตามสื่อในประเทศตนอาจกังวลว่าการมาเที่ยวยังไม่ปลอดภัย รวมถึงอยากให้จัดสรรงบประมาณฟื้นฟูในจังหวัดภาคอีสานให้มากขึ้น ฟื้นที่โรงแรม ที่พัก และการค้าท้องถิ่น และ

3. ขอให้ยกเลิกนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำรายวันเป็น 400 บาท หรือชะลอไปจนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่ โดยหากมีการปรับควรยึดมติคณะกรรมการแรงงานรายจังหวัด เพราะพิจารณาบนความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมจังหวัดมีความเหลื่อมล้ำและเศรษฐกิจฐานรากไม่เท่ากันทั้งประเทศ โดยเอกชนเสนอไม่ควรมีการปรับเท่ากัน 400 บาททั้งประเทศ เลิกได้เลิกเลย เพราะไม่แค่เพิ่มต้นทุนประกอบการ แต่ทำให้การพิจารณามาลงทุนในต่างจังหวัดชะลอตัวทันที เพราะการลงทุนจะลงไปเมืองใหญ่ ที่มีสาธาณูปโภคสะดวกกว่า

นายสมชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องที่ดีที่นายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจจะใกล้ชิดและรับฟังปัญหาต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจในต่างจังหวัดยังฝืด ยิ่งจังหวัดชายแดนที่ยังเป็นประเด็นเรื่องความมั่นคง อีกนานที่จะฟื้นได้เหมือนเดิม แต่ภาคเอกชนเราคำนึงอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ เพียงอะไรที่เดือดร้อน ก็อยากให้รัฐบาลใหม่ เข้ามาช่วยเหลือและแก้ไขโดยเร็ว เราไม่ได้มองแค่ 4 เดือนหรือ 8 เดือน แต่อยากเห็นให้มาตรการที่ออกมาเป็นการช่วยเหลือต่อเนื่อง แม้มีการปรับเปลี่ยนทางการเมืองก็ไม่กระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากนักเหมือนที่ผ่านมา