นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า หลังจากมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงกรณีค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น เป็นผลจากการส่งออกทองคำค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าทองคำไม่ใช่ต้นเหตุของค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นมา เพราะหากเทียบปริมาณการซื้อขายของปี 2568 นี้ ยังมีจำนวนขายออกน้อยกว่าปี 2567 ที่ผ่านมากว่า 50%
แต่มูลค่าทองคำที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ดูเหมือนมีมูลค่าซื้อขายที่มากกว่า แต่เน้นย้ำว่าไม่ได้มากขึ้นแบบผิดปกติ โดยมีการหารือกันถึงทางออก และหนึ่งในนั้นเป็นการคุยกันเรื่องอาจเก็บภาษีจากการซื้อขายทองคำออนไลน์ในรูปเงินบาท เพื่อดูแลค่าเงินบาท ซึ่งขอคัดค้านการเก็บภาษีที่เสนอมา เพราะไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง การแก้ปัญหาต้องส่งเสริมกันและกัน ไม่ใช่ทำลายอุตสาหกรรม
นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวว่า ในการประชุมมีการเสนอให้ภาครัฐบาลปรับปรุงระบบหลังบ้าน โดยเสนอให้จัดตั้งระบบ Clearing House ดอลลาร์สหรัฐภายในประเทศ โดยมี ธปท.ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเคลียร์ธุรกรรมดอลลาร์ (Dollar Term) ในลักษณะเดียวกับที่ธนาคารพาณิชย์เคลียร์ธุรกรรมโมบายแบงกิ้งระหว่างกัน
ซึ่งปัจจุบันธุรกรรมซื้อขายทองคำและการค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์ ต้องถูกส่งไป Clearing ผ่านสหรัฐฯ ก่อนกลับมาไทย ทำให้ต้นทุนธุรกรรมสูงมาก หากมีระบบ Clearing House ภายในประเทศ จะช่วยลดแรงกระทบค่าเงินบาท ลดความผันผวน และลดต้นทุนของผู้ประกอบการลงอย่างมาก ซึ่งคาดว่า ธปท. น่าจะเข้าใจข้อเสนอของผู้ประกอบ และพิจารณาตามแนวทางที่ให้ไป
อย่างไรก็ตาม หากยังมีความพยายามจะดำเนินมาตรการเก็บภาษีซื้อขายทองคำออนไลน์ในรูปเงินบาท จะส่งผลกระทบให้ตลาดทองคำพังทั้งระบบแน่นอน เพราะตลาดทองคำเป็นเน็ตเวิร์ก ไม่แตกต่างจากตลาดหุ้น หรือตลาดทุนอื่นๆ เหมือนที่มีความพยายามจะเก็บภาษีซื้อขายหุ้น ก็ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นและนักลงทุนสูงมากไม่ต่างกัน ทำให้ทุกครั้งที่มีแนวคิดแบบนี้ระบบก็จะพังทลาย สุดท้ายก็ต้องยกเลิกไป ซึ่งทองคำก็ไม่ต่างกัน
นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2568 นี้ ทองคำยังคงมีแนวโน้มวิ่งในเทรนด์ขาขึ้น ตามปัจจัยต่างประเทศที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะการปรับต่ออ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยสนับสนุนความต้องการถือครองทองคำเพิ่มมากขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศ ก็ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจอาจไม่ได้ดีมากนัก รวมถึงยังไม่มีรัฐบาลอย่างเป็นทางการ แต่ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทองคำ หรือการเคลื่อนไหวของราคาทองเลย