xs
xsm
sm
md
lg

ศาล รธน.รอหลักฐานจากเลขาฯ กกต. กรณี สว.ยื่นถอดถอน "ภูมิธรรม-ทวี"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

กรณีนี้สมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา โดยกล่าวอ้างว่า การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแชงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสอง สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้รอความเห็นและเอกสารหลักฐานจากเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ขยาย ระยะเวลาจัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐาน

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณี นายนิยม นพรัตน์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ผู้ร้อง กล่าวอ้างข่าวตามที่ปรากฏในสื่อ MGR Online เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้อำนาจอำนาจหน้าที่ ขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะเป็นทางขึ้นลงสำหรับอากาศยานเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทเอกชน เป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางริยธธรรมอย่างร้ายแรง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4)(5) มาตรา 213 มาตรา 219 และมาตรา 235 และขอให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสียก่อนตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธธรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย