รายงานข่าวระดับสูงจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า หลังจากทนายได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ ป.ป.ป. และกองบังคับการปราบปราม พร้อมนำเอกสารมาให้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นหลักฐานที่รวบรวมทำมาดี พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว ก่อนจะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างมูลนิธิฯ ที่เยอรมัน โดยมีการร้องให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง ซึ่งต้องรอทาง ป.ป.ช. ว่าจะส่งเรื่องกลับมาให้เราทำหรือไม่ โดยจะต้องรอตามกรอบการพิจารณา 30 วัน
ส่วนกรณีพบการทุจริตของวัดชัดเจนเลยหรือไม่นั้น แหล่งข่าวระบุว่า หากฟังข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่าย ยังโต้แย้งกันไปมาหลายประเด็น รวมถึงการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมาด้วย แต่ในเนื้อหาจริง ๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของการฟ้องร้อง และไม่ลงรอยกัน จึงเกิดการโต้กันไปโต้กันมา
ส่วนในทางคดียืนยันได้ว่า มีการพบเส้นเงินที่โอนไปโอนมาระหว่างเยอรมันและไทย ซึ่งเป็นบัญชีของพระอาจารย์คึกฤทธิ์โดยตรง ที่เอาเงินบริจาคโอน ยอดเงินรวมกว่า 12 ล้านบาท โอนเป็นงวด ๆ ราว 2-3 งวด เพื่อสร้างมูลนิธิฯ จนมีปันหาเกิดขึ้น
นอกจากการตรวจสอบเรื่องเส้นเงินที่โอนไป-มาแล้ว ยังตรวจพบเส้นเงินบัญชีที่แตกออกไปอีก เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินบริจาคด้วย แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบความชัดเจนทั้งหมด เบื้องต้นพบทางวัดมีการตั้งเปิดรับบริจาคทั้งที่ไทยและเยอรมัน
ส่วนกรณีพบการทุจริตของวัดชัดเจนเลยหรือไม่นั้น แหล่งข่าวระบุว่า หากฟังข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่าย ยังโต้แย้งกันไปมาหลายประเด็น รวมถึงการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมาด้วย แต่ในเนื้อหาจริง ๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของการฟ้องร้อง และไม่ลงรอยกัน จึงเกิดการโต้กันไปโต้กันมา
ส่วนในทางคดียืนยันได้ว่า มีการพบเส้นเงินที่โอนไปโอนมาระหว่างเยอรมันและไทย ซึ่งเป็นบัญชีของพระอาจารย์คึกฤทธิ์โดยตรง ที่เอาเงินบริจาคโอน ยอดเงินรวมกว่า 12 ล้านบาท โอนเป็นงวด ๆ ราว 2-3 งวด เพื่อสร้างมูลนิธิฯ จนมีปันหาเกิดขึ้น
นอกจากการตรวจสอบเรื่องเส้นเงินที่โอนไป-มาแล้ว ยังตรวจพบเส้นเงินบัญชีที่แตกออกไปอีก เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินบริจาคด้วย แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบความชัดเจนทั้งหมด เบื้องต้นพบทางวัดมีการตั้งเปิดรับบริจาคทั้งที่ไทยและเยอรมัน