นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยคาดว่า ทักษิณ ชินวัตร คงไม่กลับมาไทยเพื่อไปขึ้นศาลฎีกานักการเมืองอ่านคำสั่งกรณีเรือนจำพิเศากรุงเทพบังคับโทษติดคุกแล้วหรือยังในวันที่ 9 ก.ย.นี้
“ผมอยากให้ทักษิณ กลับมาตามคำพูดจะกลับถึงไทยเย็นวันที่ 8 ก.ย. อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมแล้ว เชื่อว่า ทักษิณ ไม่กลับ เพราะถ้าจะไปฟังคำสั่งศาลฎีกา ก็คงไม่ออกจากไทย การไปหาหมอสิงคโปร์จึงเป็นแค่คำอ้างเพื่อไปตั้งหลักเท่านั้น”
อีกทั้งกล่าวถึงการปล่อยข่าวจากบ้านจันทร์ส่องหล้าอ้างทักษิณออกจากนครดูไป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะกลับไทยแต่ต้องแวะสิงคโปร์ก่อนนั้น ตนเชื่อไม่กลับเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงคนบ้านจันทร์ส่องหล้าควรออกมายืนยันให้ชัดเจน แต่ถึงขณะนี้กลับเงียบเฉย
อย่างไรก็ตาม ถ้าเย็นวันที่ 8 ก.ย. ทักษิณ มาไทยจริง และไปศาลฎีกานักการเมืองในวันที่ 9 ก.ย. หากผลคำสั่งศาลออกมาเป็นบวก ทักษิณคงเป็นอิสระ ถ้าผลออกมาเป็นลบ ปัญหาย่อมมีตามมาอีกหลายกรณี และอาจลามถึงการถวายฎีกาด้วย เพราะถ้าไม่ได้ติดคุก ก็ไม่สิทธิ์ยื่นฎีกาฯ ขออภัยโทษ
นายจตุพร กล่าวว่า จากการไต่สวนพยานหลายปากของศาล คาดกันว่า จะมีผลออกมาด้านลบมากกว่าด้านบวกกับทักษิณ ซึ่งจะทำให้รอดคดีชั้น 14 ยาก อีกอย่างถ้าทักษิณ คิดเผชิญหน้ากับผลคำสั่งของศาลแล้ว คงไม่ออกจากไทย ทั้งๆที่ดูพฤติกรรมภายนอกแสดงถึงไม่มีอาการป่วยโรคกระดูกและปอดอย่างฉับพลันจนต้องไปหาหมอสิงคโปร์เลย เพราะหมอเก่งๆ ในไทยก็มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้นตนจึงค่อนข้างเชื่อว่า ทักษิณจะไม่กลับไทย
"ในความเชื่อของผม ถ้า (ทักษิณ) ไม่มาแล้วใช้ใบรับรองแพทย์ ศาลจะให้โอกาสเลื่อนหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งผมหวังให้เขากลับมา แต่ดูลีลาแบบนี้ ผมวิเคราะห์ว่าไม่มา "
ส่วนการกล่าวหาพรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้านสนับสนุนรัฐบาลภูมิใจไทยคือ ความพิลึก ผิดปกติของระบอบประชาธิปไตย นายจตุพร กลาวว่า ความพิลึกเช่นนี้มีมาตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยตระบัดสัตย์ข้ามขั้วตั้งรัฐบาลแล้ว ซึ่งจะมาอ้างประชาธิปไตยในขณะที่ตัวเองเสียประโยชน์คงฟังไม่ขึ้น
อีกทั้งกล่าวว่า ถ้าเพื่อไทยยังมีความสำนึก ต้องยุบสภาตั้งแต่มีอำนาจรัฐบาลแล้ว แต่ไม่ยุบเพราะคิดว่า ตัวเองกุมความได้เปรียบ จึงต้องเจรจาพร้อมข่มขู่พรรคประชาชนแบบขาดเสียไม่ได้ ว่า ไม่เลือกเพื่อไทยจะยุบสภา หรือต่อรองว่าเลือกปั๊บ ยุบปุ๊บ
นายจตุพร กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล แถลงขณะใส่ชุดขาวในวันรับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ โดยยืนยันจะยุบสภาใน 4 เดือน ซึ่งย่อมรู้ว่า ถ้าอยู่เกินเอ็มโอเอแล้ว ต้องแบกรับปัญหาตระบัดสัตย์ เมื่อเป็นเช่นนี้จะหาเรื่องทำไม
"ฝ่ายเชียร์พรรคเพื่อไทยได้อ้างเจตนารมณ์ประชาชน แล้วประชาชนให้เจตนารมณ์ตระบัดสัตย์ข้ามขั้วหรือไม่ วันนั้นทำไมไม่พูดถึงเจตนารมณ์ แล้วมาถามหาเจตนารมณ์ในขณะนี้ และที่ผ่านมาตัวเองใช้เจตนารมณ์ประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยไปทำอะไร"
อีกทั้งย้อนกองเชียร์พรรคเพื่อไทยที่อ้างถึงอำนาจพิเศษแทรกแซงตั้งรัฐบาลภูมิใจไทย ว่า แล้วพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ใช้อำนาจธรรมดาเหรอ และ 152 เสียง สว.มาจากไหน แล้ว สว.ขณะนั้นพิศวาสอะไรกับเพื่อไทยจึงยกมือให้ตั้งรัฐบาลกับฝ่ายสนับสนุนรัฐประหาร ซึ่งปรากฎการณ์นั้นเป็นเรื่องธรรมดาเหรอ
"ตัวเอง (พรรคเพื่อไทย) ก็ผ่านความเป็นพิเศษมาแล้ว ที่ผ่านมามันธรรมดาที่ไหน และตลอด 2 ปีผ่านมา เวลาที่ได้ประโยชน์ก็มีเหตุผลอีกอย่าง เวลาเสียก็อ้างเหตุผลอีกอย่าง ถ้าเอาเหตุผลอนุรักษ์นิยมฟาดพรรคเพื่อไทยในวันนั้น วันนี้ประชาชนจะยืนอย่างแข็งแรงถ้วนหน้า แต่กลับไปย้อนรอยอารมณ์เดิม กล่าวอ้างอนุรักษ์นิยมมาเป็นเงื่อนไขการปลุกคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นสู้"
พร้อมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมา 2 ปี ยากที่จะหาผลงานไปหาเสียง ดังนั้น จึงต้องสร้างอารมณ์ประชาชนขึ้นมาใหม่ ด้วยการปลุกคำว่าอนุรักษ์นิยมมาเป็นเงื่อนไขกล่าวอ้างให้ตัวเองเป็นเสรีประชาธิปไตยที่ถูกกระทำด้วยอำนาจนอกระบบหรืออำนาจพิเศษ และมากลบความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทย
นายจตุพร โต้คำพูดนักโต้วาทีว่า ทักษิณ กลับมาไทยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถ้าตระหนักถึงคำพูดจะกลับมาเลี้ยงหลานแล้ว และกล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจ เฝ้าระวังนักโทษสำคัญยังเสียได้ถึง 6 เดือน ซึ่งทุกอย่างมีอะไรปกติบ้าง แม้การไต่สวนในศาล การให้ปากคำของพยานยังแสดงถึงปัญหาจากความพิเศษทั้งสิ้น