นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเตือนสติทักษิณ ชินวัตร ว่า ควรรู้จักปล่อยวางและพอในอำนาจกันเสียบ้าง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ แม้จะกลับมาหรือไม่กลับฟังคำตัดสินของศาลฎีกานักการเมืองวันที่ 9 ก.ย. แต่ความศรัทธาที่เคยมี มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
อีกทั้งเชื่อว่า ตลอด 2 ปีที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลนั้น ทักษิณ ได้ทำลายความศรัทธาของแนวร่วมแทบหมดสิ้น คนเสื้อแดงที่เอาชีวิตไปแลกให้ ทั้งตาย บาดเจ็บ ติดคุกคงหูตาสว่าง ดังนั้น ความรู้สึกไว้ใจคนผิดไป ย่อมไม่แตกต่างจากทักษิณ พูดถึง ร.อ.ธรรมนัส
"ถ้าทักษิณ ไม่รู้จักปล่อยว่าง รู้จักพอ และเสียสละให้ประเทศกันบ้าง เพราะคนที่ต่อสู้ให้ตัวเองมากที่สุดแล้ว มีคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บสองพัน และติดคุกยังมีอยู่ ถ้าทักษิณ ยังคิดสู้อีก มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"
พร้อมทั้งกล่าวว่า แม้ทักษิณจะมา หรือไม่มาศาล 9 ก.ย.นี้ ผลการเมืองของพรรคเพื่อไทยและการเลือกตั้งครั้งหน้าคงยากจะเหมือนเดิมอีกแล้ว โดยจะได้ สส.ถึงครึ่ง 141 เสียงที่เคยได้รับเมื่อเลือกตั้งปี 66 หรือไม่ เพราะอารมณ์เจ็บปวดของตัวเองยังน้อยกว่าความเจ็บใจของคนที่ไปต่อสู้ให้ทักษิณถึงตาย บาดเจ็บและติดคุก ดังนั้น ขอให้ทักษิณลองคิดดู และรู้จักพอบ้างกับอำนาจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อทักษิณ เดินทางไปดูไบเมื่อค่ำ 5 ก.ย. แล้วบอก 8 ก.ย.จะกลับมา และ 9 ก.ย.ไปศาล นายจตุพร กล่าวว่า จะกลับหรือไม่กลับมาย่อมขึ้นอยู่กับตัวของทักษิณเอง เพราะนับตั้งแต่กลับมาเมื่อ 22 ส.ค. 66 ประเทศไทยเต็มไปด้วยปัญหากันตลอด
"ผมพยายามอธิบายว่า กลยุทธเอาทักษิณ กลับมาเพื่อให้ทำลายตัวเองนั้น แม้ช่วง 2 ปีเต็มไปด้วยความอึดอัดใจกันถ้วนหน้า แต่มีความพยายามบอกว่า ตกปลาตัวโตก็ต้องใช้เหยื่อใหญ่ เมื่อจุดหมายปลายทางเดินมาถึงขณะนี้ก็พอคุ้มค่าระดับหนึ่งกับความเสียหายที่บังเกิดกับบ้านเมือง”
นายจตุพร กล่าวว่า ตั้งแต่ศาลอาญายกฟ้องคดี ม.112 เมื่อ 22 ส.ค. 68 นั้น ทักษิณ สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ทุกวัน ส่วนคดีชั้น 14 ทักษิณ ให้ทนายความทำหน้าที่แทนในการไต่สวนของศาล โดยสื่อมวลชนและคนภายนอกสามารถเข้าฟังในห้องไต่สวนได้
หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองไต่สวน 7 นัด ข้อสรุปของคนที่เขาไปฟังตรงกันว่า การไต่สวนพยานแต่ละคนไม่เป็นคุณกับทักษิณเลย ดังนั้น ศาลนัดให้ผู้บัญชาการเรือนจำคนปัจจุบันและทักษิณ มาฟังคำสั่งของศาลวันที่ 9 ก.ย.นี้ ทักษิณ ย่อมรู้ตัวเองได้ดีว่าผลคดีชั้น 14 จะออกมาเช่นใด
อย่างไรก็ตาม หลังศาลศาลอาญายกฟ้องคดี ม.112 แต่ทักษิณไม่ออกนอกประเทศ เพราะอยู่รอศาล รธน.ตัดสินคดีอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งคาดหวังจะรอดปลอดภัยกับโทษถูกถอดถอนพ้นจากนายกฯ แต่ไม่เป็นดังหวัง
ขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคแยกออกไปสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ ดังนั้น การเมืองจึงอยู่ในสภาวะ 3 กองอำนาจแย่งชิงกัน คือ กองของนายอนุทิน พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย
ซ้ำร้ายพรรคเพื่อไทยในช่วงแย่งชิงตั้งรัฐบาลกลับเป็นพรรคโชว์ความกะล่อนได้เด่นชัด ด้วยการไปรับข้อเสนอยุบสภา 4 เดือนกับพรรคประชาชน (ปชน.) แต่ไม่มีนายชัยเกษม นิตสิริ แคนดิเดตนายกฯ ไปด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น พรรคเพื่อไทย ยังออกข่าวยืดเวลายุบสภาไปเป็น 6 เดือน ขณะที่นายชัยเกษม บอกไม่ได้รับการติดต่อจากพรรค พร้อมคาดจะมีอัศวินม้าขาวมาแทนที่แคนดิเดตนายกฯ ของตน
ยิ่งไปกว่านั้น พรรคเพื่อไทยยังสร้างความสับสน และขู่ ปชน. ถ้าไม่เลือกเพื่อไทยจะยุบสภา เมื่อเสนอยุบสภากลับถูกสำนักงานองคมนตรีตีตกเพราะทำผิดระเบียบการปฏิบัติ แล้วยังไม่หยุด กลับเล่นเลยเถิดมาถึงเสนอเลือกชัยเกษมยุบสภาทันที ซึ่งไม่เกิดผลดีอะไรแล้ว
กรณีทักษิณ รีบออกนอกประเทศ นายจตุพร กล่าวว่า มีข่าวปล่อยระบุศาลจะห้ามออกนอกประเทศจนกว่าจะวินิจฉัยเสร็จในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยคำสั่งจะออกวันที่ 5 ก.ย. จึงทำให้ทักษิณต้องตัดสินใจออกนอกประเทศ แต่ถูกกักตัวที่ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
ถ้ามีคำถามว่า ทำไม ตม.กล้ากักตัวกับคนมีอำนาจใหญ่สุดในรัฐบาลชุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ จนทำให้ทักษิณ หงุดหงิดใจถึง 2 ชม. อย่างไรก็ตาม แม้ทักษิณ อ้างไปพบแพทย์ที่สิงคโปร์ แต่ย่อมรู้ว่าสนามบินสิงคโปร์ปิด 4 ทุ่มแล้วจะรีบไปทำไม
นายจตุพร กล่าวว่า การอ้างเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นการอธิบายง่ายที่สุดกับการจะไม่มาศาลวันที่ 9 ก.ย. โดยอ้างอาการยังไม่ดี แล้วจะมาศาลในวันหลัง แต่ศาลนัดวันที่ 9 ก.ย.ไม่ใช่นัดอ่านคำตัดสินคดี แต่ให้มาฟังคำสั่งกรณีถูกบังคับโทษติดคุกแล้วหรือยัง ดังนั้น แม้ทักษิณ ไม่มีฟังคำสั่งก็ตาม แต่คาดว่า ศาลอาจอ่านคำสั่งได้เลย
"ผมอยากให้ทักษิณ กลับมาไทย ถ้าต้องการใช้ชีวิตในไทย ก็ต้องกลับมา ถ้าไม่กลับมาในวันที่ 8 ก.ย. เหตุการณ์หลังวันที่ 9 ก.ย.จะกลายเป็นคนละเรื่อง อีกอย่างอุ๊งอิ๊งจะเป็นหัวหน้าเพื่อไทยได้ถึงวันไหน เพราะต้องแบกภาระและต้องตอบคำถามหลากหลายความสงสัย
นายจตุพร กล่าวว่า ช่วงที่ทักษิณ อยู่ต่างประเทศมีความแข็งแรงทางการเมืองมากที่สุด เพราะประชาชนจำภาพสุดท้ายทางการเมืองที่ถูกยึดอำนาจแล้วกลั่นแกล้ง ยัดเยียดข้อหาความผิด เมื่อกลับมาไทยแล้ว แต่สารภาพต่อพระเจ้าแผ่นดินว่า ทำความผิดคดีทุจริตจริงและบัดนี้สำนึกแห่งการกระทำนั้นแล้ว จึงพฤติกรรมจึงย้อนแย้งและแสดงถึงไม่ถูกกลั่นแกล้ง
"ผมเชื่อว่า คนเราต้องการเผชิญชะตากรรม และบอกเคารพในกระบวนการยุติธรรม ย่อมไม่มีความจำเป็นไปถึงดูไบ แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่ เพราะองคาพยพที่ไปนั้น เป็นชุดรักษาความปลอดภัยกับคนทำครัว รวมถึงการเติมน้ำมันเครื่องบินย่อมอธิบายเจตนาว่า ไม่ได้ไปหาหมอที่สิงคโปร์ ดังนั้น แสดงถึงการบอกวันที่ 8 ก.ย.จะกลับไทย ซึ่งจะมาหรือไม่มาก็ยังกังขาอยู่”
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ด้วยเสียง สส. 311 เสียง นายจตุพร เชื่อว่า นายอนุทิน ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นนายกฯ เกิน 4 เดือนตามข้อตกลงกับ ปชน. เพราะกว่าจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และมีรัฐบาลก็เกือบ 9 เดือนแล้ว
ดังนั้น นายอนุทิน จึงไม่มีความจำเป็นต้องพกความตระบัดสัตย์ติดตัวไปด้วย และในช่วง 4 เดือนของรัฐบาล ทุกพรรคการเมืองคงเตรียมการไปสู่เลือกตั้งกันแล้ว แต่สิ่งสำคัญของรัฐบาลอนุทินอยู่ที่จะทำอะไรให้ประชาชนพอใจ มีความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ แม้จะคลี่คลายปัญหาปากท้องในเวลาอันสั้นได้ยาก แต่จะขอให้พอได้เห็นแววอนาคตขึ้นมาบ้างก็คงดีแล้ว
"หลักใหญ่ของนายอนุทินคือ การสร้างความเชื่อมั่น เพราะบทเรียนจากสองนายกฯ ที่ผ่าน และที่ขาดไปคือ ความเชื่อมั่น ถ้าทุกภาคส่วนมีความเชื่อมั่นแล้ว การคลี่คลายปัญหาต่างๆ ก็เหมือนกับการปลดล็อกโดยปริยายและจะดีตามลำดับ"
อีกอย่างในเวลาอันสั้นกับการเป็นนายกฯ 4 เดือนนั้น อะไรที่สุ่มเสี่ยง นายอนุทิน คงต้องหลีกเลี่ยงในช่วงเวลาเป็นรัฐบาลอย่างจำกัด รวมถึงควรยกเลิก MOU 43 และ 44 เพื่อแก้ปัญหากัมพูชาให้จบทั้งการสร้างรั้ว เจรจา หรือจะรุกรบให้มันจบสิ้นกันไป
"ในเวลาแบบนี้จะเอาคนบ้าอำนาจมาบริหารก็ไม่ได้ ต้องเป็นคนประนีประนอมกับทุกฝ่าย โดยแข็งกร้าวกับศัตรู แต่กับคนไทยต้อมีลักษณะอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะตำแหน่งนายกฯ ก็เหมือนหัวโขน มีมาแล้วก็ไป"
นอกจากนี้ ถ้าในช่วง 4 เดือนนายอนุทิน สร้างความพึ่งพอใจได้ ก็คิดอ่านถึงอนาคตที่จะเป็นนายกฯ แบบเต็มๆ วาระ ดังนั้น ประชาชนจะพึ่งพอใจกับการยกเลิกซุกเช่าที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปีในโครงการแลนด์บริดจ์ ไม่เดินหน้าทำบ่อนกาสิโน รวมทั้งยกเลิก พรบ.ศูนย์กลางการเงินที่เป็นปัญหากับระบบเงินตราประเทศ โดยเรื่องเหล่านี้ถ้าไม่ทำแล้ว ประชาชนจะพึ่งพอใจ
ประเทศไทยต้องมาก่อน