xs
xsm
sm
md
lg

มท.2 ติดตามผลกระทบจากพายุ“คาจิกิ”และ “หนองฟ้า” เร่งช่วยเหลือ ปชช.-ระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และ “หนองฟ้า” สั่งการทุกภาคส่วนเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ระดมเครื่องจักรกลระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมอาศัยกลไกมหาดไทยทุกระดับ วางแผนรับมือกับสถานการณ์ห้วงต่อไป เน้นการสื่อสารไปยังประชาชนและวางระบบการแจ้งเตือนภัยในระดับท้องถิ่น โดยมี นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดรวม 62 จังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยง และหน่วยงานสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นางสาวธีรรัตน์ เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” ในห้วงที่ผ่านมา ทำให้หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มหลายพื้นที่ ปัจจุบันยังต้องมีการติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักจากอิทธิพลของร่องมรสุม ที่อาจส่งผลกระทบให้บางพื้นที่มีระดับน้ำในน้ำท่าและพื้นที่เก็บกักน้ำมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและอาจล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจได้ ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงเน้นย้ำให้พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ให้ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง รวมถึงเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว กรณีมีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ ให้ติดตามการให้ความช่วยเหลือเยียวยาและสร้างความขวัญกำลังให้แก่ญาติผู้ประสบภัย สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายให้เร่งสำรวจ ซ่อมแซม และฟื้นฟูด้านต่าง ๆ เพื่อประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในห้วงต่อไปที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยอาศัยกลไกมหาดไทยทุกระดับ ทั้งจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ในการแจ้งเตือนประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน จัดชุดปฏิบัติการ ศูนย์พักพิงชั่วคราว เครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย ตลอดจนเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้จังหวัดถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปกำหนดแนวทาง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญ จะทำให้พี่น้องประชาชนรับทราบสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ภัยเพื่อป้องกันเหตุและลดผลกระทบจากสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งวางระบบการแจ้งเตือนภัยในระดับท้องถิ่น ทั้งเครื่องมือในการตรวจวัดและการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงให้ความรู้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจความเสี่ยงภัยของพื้นที่ สามารถประเมินสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมเพื่อการแจ้งเตือนภัย สื่อสารให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจ และอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างให้ท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการแจ้งเตือนภัย อันจะทำให้ข้อมูลการแจ้งเตือนภัยมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด