น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ความนิ่งของภูมิใจไทยเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก และบางทีก็น่าหงุดหงิดในคราวเดียวกัน ถูกใส่ร้ายป้ายสียังไงก็อดทนเน้นสู้ในกระบวนการ แต่เกมฝ่ายโน้นคือไม่เอาเข้ากระบวนการ เลี้ยงกระแสไว้ดิสเครดิตไปเรื่อยเรื่อย
อย่างเรื่องเขากระโดงก็ไม่กล้าฟ้องศาล และอธิบดีกรมที่ดินไม่มีทางเซ็นเพิกถอนไม่ว่าในยุคใด เพราะชาวบ้าน 900 กว่ารายมีกรรมสิทธิ์ที่เหนือกว่าชัดเจน และมีข้อต่อสู้ที่มีน้ำหนักที่แสดงว่าการรถไฟไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงอย่างไรด้วย ถ้าได้สู้คดีในศาล ผลลัพธ์จะต่างจากที่ชาวบ้าน 35 รายผู้ไม่มีโฉนดเคยสู้มาก่อนแน่นอน
คดีฮั้ว สว.ยังไม่ถึงศาลเช่นกัน เพราะหาหลักฐานการซื้อขายเสียงไม่เจอ แต่ใช้อำนาจการเมืองเอาดีเอสไอเข้าแทรก หว่านแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้เป็นข่าวกันทั้งพรรคไปเรื่อยๆก่อน
ผู้รู้บางคนบอกว่าเครือข่ายที่เขาเกาะเกี่ยวกันจนเข้าสภาไปได้ทั้งก้อนนั้น ก็ใช้วิธีเดียวกับที่อีกฝ่ายเคยพยายามทำในสนามเลือกสว.นั่นแหละ คือลอกกันมา และไม่ได้ผิดกฎหมาย
ต่างกันตรงที่ในเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จนั้น voter คือ voter ไม่ได้มีใครเกิดอยากเป็นเองขึ้นมา ในขณะที่อีกเครือข่ายนั้นแทบทุกคนต่างรู้สึกอยากเป็น จนเสียกระบวน ผลโหวตจึงไม่เข้าเป้า … สุดท้าย ผู้แพ้ กลายเป็น ผู้ดี
ฟังแล้วก็ขำ หลายคนที่ได้เป็นก็ตกใจ แล้ววัว 20 ตัวที่บ้านจะทำยังไง ใครจะเลี้ยง ต้องมาสภาสัปดาห์ละสองสามวัน … จะโทษใคร ถ้าไม่ใช่กติกาพิสดารให้คู่แข่งเลือกกันเอง
กติกาจากรัฐธรรมนูญ 60 ที่กำลังพยายามหาทางแก้กันนี่แหละ
ใดใดคือ “ผู้ถูกกล่าวหาย่อมต้องถูกถือว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำตัดสิน” … สุดท้ายก็เป็นประโยคในอุดมคติที่มีไว้ใช้กับแค่บางคน
ศาลเตี้ยนั้นมีประโยชน์กว่า จึงอยากเก็บไว้ใช้กันได้ยาวๆ ถึงตอนเลือกตั้ง.