xs
xsm
sm
md
lg

มท.2 ติดตามสถานการณ์อุทกภัย-ดินถล่ม สั่งเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (2 ก.ย.) นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” สั่งการหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมกำชับให้ส่งแจ้งเตือน Cell Broadcast เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยมีนายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดรวม 62 จังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยง และหน่วยงานสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นางสาวธีรรัตน์ เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว และยังคงมีหลายพื้นที่ที่ได้ผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “หนองฟ้า” ทำให้มีสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ จึงขอเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดปฏิบัติการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด สำหรับจังหวัดพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าช่วยเหลือประชาชน ในการฉีดล้าง ทำความสะอาด และซ่อมแซมบ้านเรือนที่อาศัย พื้นที่สาธารณะ พร้อมทำการสำรวจความเสียหายและเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนได้รับการเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นโดยเร็วที่สุด สำหรับจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์ขอกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งด้านการดำรงชีพ จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว จัดตั้งโรงครัวประกอบเลี้ยง จัดส่งถุงยังชีพ อาหารปรุงสุก น้ำดื่มสะอาดให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน พร้อมจัดหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพกายและจิตใจผู้ประสบภัย รวมถึงการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง กรณีมีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ ขอให้จังหวัดเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำให้เฝ้าระวัง ติดตามการคาดการสภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำในพื้นที่ตลอด 24 ชม. และเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ อีกทั้งกำชับให้หน่วยงานประสานข้อมูลเพื่อทำการประเมินและคาดการณ์สถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น เพื่อทำการแจ้งเตือนให้กับประชาชนทุกช่องทางโดยเฉพาะการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ในการเฝ้าระวังและเตรียมรับมือให้ทันต่อสถานการณ์ พร้อมทำการสื่อสารให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น

ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก รวม 10 อำเภอ 27 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,979 ครัวเรือน 11,875 คน และยังคงมีผู้สูญหายที่อยู่ระหว่างการค้นหา จำนวน 3 ราย และจากอิทธิพลของพายุ “หนองฟ้า” ทำให้มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ลำพูน ตาก ขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู และจังหวัดชุมพร รวม 25 อำเภอ 82 ตำบล 250 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,038 ครัวเรือน 35,505 คน และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายด้านต่าง ๆ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 ก.ย. 68 เวลา 06.00 น.) ในส่วนของการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ปภ. ได้ทำการส่งแจ้งเตือนพายุ “คาจิกิ” และสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม (ในห้วงตั้งแต่วันที่ 24 - 28 สิงหาคม 2568) รวม 29 ครั้ง ในพื้นที่เสี่ยง รวม 52 จังหวัด และส่งแจ้งเตือนพายุ “หนองฟ้า” และสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม (ในห้วงตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 - 1 กันยายน 2568) รวม 30 ครั้ง ในพื้นที่เสี่ยงรวม 29 จังหวัด ทำให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ รวม 103 หน่วย อาทิ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกติดตั้ง เครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุกน้ำ เครื่องยนต์เรือพร้อมอุปกรณ์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า พร้อมทั้ง ได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA – 32 จำนวน 1 ลำ ประจำการในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์ ทำการการแจ้งเตือนภัย ตลอดจนการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ประสบภัยอย่างครอบคลุมในทุกมิติ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ และวางแผนแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้เป็นไปตามข้อสั่งการ มท.1 และ มท.2 เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงสามารถให้ประชาชนกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

ทั้งนี้ ปภ.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทาง Facebook กรมป้องกันและ
บรรเทาสาธารภัย DDPM และ X @DDPMNews และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784”