ที่ประชุมคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 มีมติเห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 3 โครงการแล้ว วงเงินรวม 104,465.94 ล้านบาท จากทั้งหมด 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,312 กิโลเมตร มูลค่ารวมประมาณ 297,926.68 ล้านบาท ได้แก่
1. ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท
2. ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท
3. ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท
โดยทั้ง 3 เส้นทาง มีความเหมาะสมในการดำเนินการ จากความจุทางและการส่งเสริมการเชื่อมโยงเส้นทาง สิงคโปร์ – คุนหมิง (SKRL) ในอนาคต หลังจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับประเด็นที่สภาพัฒน์ให้จัดทำเพิ่มเติมก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี เช่น ตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางราง มีแนวทางการให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์รางอย่างไร เพื่อให้สร้างทางแล้วคุ้มค่ แผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อนของการรถไฟฯ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานบริเวณด่านปาดังเบซาร์ให้ประสานศุลกากรและ ตม. เพื่อหาทางออกร่วมกัน รวมถึงเร่งรัดพัฒนาเส้นทางช่วงสุพรรณบุรี – ภาชี เพื่อลดคอขวดใอนาคต การแก้จุดตัด และเร่งหาเอกชนเข้าบริหาร ICD ลาดกระบัง รวมถึงเส้นทางรองรับท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นต้น
ส่วนอีก 3 เส้นทาง ที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากบอร์ดสภาพัฒน์ในครั้งนี้ เนื่องจากการคาดการณ์ผู้โดยสารและสินค้ายังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้สภาพัฒน์มองว่าความจุทางยังสามารถรองรับได้อยู่ จึงให้กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ได้แก่
1. ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143.24 ล้านบาท
2. ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 68,222.14 ล้านบาท
3. ช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,095.36 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทางออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่ม 1 ความสำคัญลำดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ (1) ช่วง ปากน้ำโพ-เด่นชัยเพื่อเติมโครงข่ายเส้นทางสายเหนือ ต่อจากช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ (2) ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี และ (3) ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา
กลุ่ม 2 ความสำคัญอันดับกลาง จำนวน 2 เส้นทาง คือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี และ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
กลุ่ม 3 ความสำคัญอันดับท้าย คือ ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร
1. ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท
2. ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท
3. ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท
โดยทั้ง 3 เส้นทาง มีความเหมาะสมในการดำเนินการ จากความจุทางและการส่งเสริมการเชื่อมโยงเส้นทาง สิงคโปร์ – คุนหมิง (SKRL) ในอนาคต หลังจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับประเด็นที่สภาพัฒน์ให้จัดทำเพิ่มเติมก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี เช่น ตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางราง มีแนวทางการให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์รางอย่างไร เพื่อให้สร้างทางแล้วคุ้มค่ แผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อนของการรถไฟฯ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานบริเวณด่านปาดังเบซาร์ให้ประสานศุลกากรและ ตม. เพื่อหาทางออกร่วมกัน รวมถึงเร่งรัดพัฒนาเส้นทางช่วงสุพรรณบุรี – ภาชี เพื่อลดคอขวดใอนาคต การแก้จุดตัด และเร่งหาเอกชนเข้าบริหาร ICD ลาดกระบัง รวมถึงเส้นทางรองรับท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นต้น
ส่วนอีก 3 เส้นทาง ที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากบอร์ดสภาพัฒน์ในครั้งนี้ เนื่องจากการคาดการณ์ผู้โดยสารและสินค้ายังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้สภาพัฒน์มองว่าความจุทางยังสามารถรองรับได้อยู่ จึงให้กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ได้แก่
1. ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143.24 ล้านบาท
2. ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 68,222.14 ล้านบาท
3. ช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,095.36 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทางออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่ม 1 ความสำคัญลำดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ (1) ช่วง ปากน้ำโพ-เด่นชัยเพื่อเติมโครงข่ายเส้นทางสายเหนือ ต่อจากช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ (2) ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี และ (3) ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา
กลุ่ม 2 ความสำคัญอันดับกลาง จำนวน 2 เส้นทาง คือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี และ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
กลุ่ม 3 ความสำคัญอันดับท้าย คือ ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร