xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด สพฉ.ไฟเขียวเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินนักท่องเที่ยวต่างชาติ หวังดึงงบฯ ช่วยผู้ป่วยคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการให้ สพฉ. ดำเนินการกำหนดและเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของ สพฉ. เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศปีละ 35.5 ล้านคน พบสถิตินักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เป็นจักรยานยนต์ 80.73% มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 616 คน บาดเจ็บ 28,463 คน โดยจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ได้แก่ จ.ภูเก็ต กรุงเทพฯ เชียงใหม่ จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นชุดหนึ่ง ทำหน้าที่ศึกษาและยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุมการท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัย เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยยึดหลักแพทย์ฉุกเฉินเข้มแข็ง นักท่องเที่ยวมั่นใจ คนไทยปลอดภัย ประเทศไทยเติบโต

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมุ่งมั่นที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกด้วยความพร้อมทุกด้าน โดยพาะความปลอดภัยด้นการเดินทาง การใช้ชีวิต แต่ในระบบแพทย์ฉุกเฉินของไทย แม้จะดี แต่ก็ต้องมีสิ่งที่ต้องเร่งแก้ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่ท่องเที่ยวและพื้นที่ห่างไกล ยังเข้าไม่ถึงการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน

เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์นี้ให้เป็นโอกาส คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้ สพฉ. ดำเนินการเสนอนโยบายเพื่อขับเคลื่อนระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ยั่งยืนเทียบเท่าสากล โดยไม่พึงพางบประมาณเพียงอย่างเดียว แต่จะจัดสรรรายได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประกันภัยนักท่องเที่ยว การประกันชีวิต การประกันอุบัติเหตุ การประกันวินาศภัย กองทุนต่างๆ ของรัฐ รายได้นี้จะนำไปลงทุน 4 เรื่องสำคัญคือ (1) กำหนดอัตราค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ (2) การขยายหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินให้ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ (3) การพัฒนาระบบให้ทันสมัยเชื่อมโยงเครือข่าย และ (4) ยกระดับมาตรฐานการฝึกอบรมและสนับสนุนทรัพยากรให้หน่วยปฏิบัติงาน ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี ประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ได้ไม่น้อยกว่า 70% มีหน่วยปฏิบัติการครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ และประเทศไทยต้องมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล เพื่อรักษาชีวิตและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกให้เศรษฐกิจไทยโตได้อย่างยั่งยืน

ด้าน ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า การแพท์ฉุกเฉินเป็นการให้บริการประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ขณะที่รัฐก็มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ เดิมเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ประกันชีวิต ก็เก็บที่โรงพยาบาล ส่วน สพฉ. มีอำนาจหน้าที่ที่จะกำหนดอัตราและสามารถเรียกเก็บได้ โดยนำรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาระบบแพทย์ฉูกเฉิน ส่วนนักท่องเที่ยว ก็จะศึกษาต่อไปว่าจะร่วมมือกับหน่วยงานไหน การเก็บประกันกับนักท่องเที่ยว ทั้งอุบัติเหตุ ประกันรถ ก็อยู่ในประเทศอยู่แล้ว ส่วนที่อยู่โรงพยาบาลเป็นเรื่องการรักษา ส่วนนอกโรงพยาบาลเป็นเรื่องของการแพทย์ฉุกเฉิน เพราะเราจะนำรายได้นี้ไปจ่ายค่าชดเชย โดยเฉพาะหน่วยออกปฏิบัติการ รวมทั้งการเพิ่มบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีทีทันสมัย เพื่อสนองตอบต่อผู้ป่วยฉุกเฉินได้รวดเร็ว

ปัจจุบันได้งบประมาณภาครัฐปีละ 1 พันกว่าล้าน ซึ่งไม่เพียงพอ และผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 1-2 แสนคน ปัจจุบันมีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 1.2 ล้านคน เข้าถึงการแพทย์ฉุกเฉิน แค่ 35-40% บางส่วนต้องเดินทางไปเอง เพราะหน่วยบริการไม่ครอบคลุม เราก็จะได้ไปช่วยผู้ป่วยได้ทันเวลาเนื่องจากหน่วยปฏิบัติการฯ ไม่ได้ครอบคลุมทุกตำบล ปัจจุบันยังขาดอีก 2,618 ตำบล หรือ 35.21% ที่ยังไม่มีหน่วยปฏิบัติการฯ

ส่วนแนวทางการเก็บค่าบริการนั้น ตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 มาตรา 11(11) กพฉ. มีอำนาจในการกำหนดค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และหน้าที่ของ สพฉ. ตามมาตรา 15(8) มีหน้าที่ในการเรียกเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของสถาบันฯ แนวทางต่อไปคือ เราต้องศึกษาเรื่องต้นทุน และประกาศอัตราค่าบริการ เช่น ทางบก มีอัตราพื้นฐานเท่าไร คนไข้สีเหลือง สีแดง ต้องคิดต้นทุนที่เท่าไร ทางน้ำ ทางอากาศ โดยบอร์ด กพฉ. ต้องให้ความเห็นชอบกำหนดอัตราค่าบริการก่อน ทั้งนี้ สพฉ. จะไม่เรียกเก็บตรงไปที่ประชาชน โดย สพฉ. จะเจรจากับกองทุนต่างๆ ที่ประชาชนมีสิทธิประโยชน์ โดยจะเรียกเก็บจากกองทุนนั้น ส่วนประกันประเภทต่างๆ เป็นเรื่องความสมัครใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในประกันอยู่แล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวต้องทำข้อมูลเพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอยู่หลายหน่วยงาน โดยจะเริ่มศึกษาเก็บข้อมูล เพื่อใช้ในการออกแบบกำหนดต้นทุนอัตราการเก็บค่าบริการ ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน และใช้เวลาในการเจรจาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมแล้วคาดว่าคงใช้เวลา 5-6 เดือน และนำเสนอต่อบอร์ด กพฉ. ให้ความเห็นชอบต่อไป