นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ซึ่งพบว่า เลขบัตรประจำตัวประชาชน ไม่ตรงกับสัทธิสิหาริก (ใบทะเบียนพระ ) และยังพบว่าวันเดือนปีเกิดไม่ตรงกับใบสุทธิ และยังมีการเปลี่ยนชื่อกลับไปใช้ "เกรียงไกร" รวมถึงกรณีที่มีการใช้เลขบัตรประชาชนในการลงทะเบียน พร้อมเพย์ ที่ประชาชนโอนเงิน แต่กลับกลายเป็นชื่อบัญชีของมูลนิธิซึ่งหมายความว่าเป็นการโอนเงินให้กับมูลนิธิ และเมื่อไปสอบถามว่ามูลนิธิเกี่ยวข้องกับวัดอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าตอบ ดังนั้นจึงต้องสอบสวนต่อไป
นายสุชาติ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้จึงทำให้ฉุกคิดได้ว่า ถึงเวลาที่เราต้องปฏิรูป วงการพระพุทธศาสนา และต้องปรึกษามหาเถรสมาคมว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องให้พระภิกษุทั่วประเทศยอมให้ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ รวมถึงทรัพย์สิน โดยเฉพาะทรัพย์สินเพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่ทำให้พระเสียผู้เสียคน และเสื่อมสมณะเพศ เพราะการมีทรัพย์สินที่คนไม่รู้
แต่ก่อนที่จะสังคายนาพระ ตนมองว่า เราต้องสังคายนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสียก่อน ซึ่งวันนี้ ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ได้เดินทางมาพบตน ซึ่งจะมีการให้นโยบายและเน้นย้ำไปว่า สำนักพุทธฯ ประจำจังหวัดทุกคน ต้องรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ในจังหวัดต่างๆตามที่ตนเองรับผิดชอบ อย่างกรณีจังหวัดลพบุรี เหตุการณ์เกิดมานานหลายปี แต่ทำไมสำนักพุทธฯจังหวัดไม่รู้ ไม่มีข้อมูลอะไรเลย เพราะฉะนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้องสังคายนาสำนักพุทธฯ ใหม่ พร้อมต้องย้อนกลับไปดูว่า ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ประจำจังหวัดลพบุรีทำอะไรบ้าง และทำไมคนปัจจุบันถึงไม่ทำงาน ควรจะให้มาอยู่ที่สำนักงานพุทธมณฑลแล้วหรือยัง โดยจะให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบ ความหย่อนยานและบกพร่อง รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงาน ดังกล่าวเพราะตนเคยได้ให้นโยบายไปเป็นเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ทำงาน ก็ถือว่าไม่สนองนโยบายของรัฐบาล
ส่วนการสังคายนารอบนี้ จะสามารถดึงความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนกลับมาได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ปัญหามีมาเป็นร้อยปี ก็ต้องใช้เวลา และต้องขอความร่วมมือจากมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นฝ่ายปกครองสงฆ์ ว่าจะให้ความยินยอม ในการสังคายนา และตรวจสอบ ต่างๆหรือไม่
นายสุชาติ ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีเรื่องใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แสดงว่า ความเสื่อมโทรมของวงการพระ อาจจะมีผู้ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ไม่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ควรจะถึงเวลาที่เรียกศรัทธาของพุทธศาสนิกชนกลับมา
เมื่อถามว่ากรณีของหลวงพ่ออลงกต ความผิดค่อนข้างชัดเจน ทั้งในเรื่องของ การเก็บศพ และสวมบัตรประชาชน สำนักพุทธจะดำเนินการ อย่างไรได้บ้าง นายสุชาติกล่าวว่า ตนจะให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ต้องคณะกรรมการสอบว่า สำนักพุทธฯ ประจำจังหวัด มี การละเว้นและหย่อนยาน และเหตุใดนักข่าวรู้ ชาวบ้านรู้ แต่ ผอ.สำนักพุทธฯจังหวัดไม่รู้ และในทุกจังหวัดที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา ก็แสดงว่าความผิดอยู่ที่สำนักพุทธฯ จังหวัด และจนถึงขนาดนี้ ยังไม่มีรายงาน ว่าทางสำนักพุทธฯ ยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออลงกต โดยตรงแต่อย่างใด
ต่อมา วันที่ 26 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ กล่าวถึงกรณีการจับกุมหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ว่า เมื่อตำรวจไปจับแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน เรากำลังขอหลักฐานหมายจับหรือการดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหามา เพื่อมาประกอบการพิจารณาในการลาสิกขาของพระอลงกต ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม ซึ่งตามประกาศของมหาเถรสมาคมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อสมัยก่อนนั้นใช้เวลาเพราะต้องให้มีคณะสังฆาธิการชั้นปกครองสอบสวน แต่ตอนนี้หากมีหลักฐานประกอบการพิจารณาว่ามีมีความผิดมีความเสื่อมเสียก็สามารถจะดำเนินการได้เลย คิดว่าเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ คงดำเนินการแล้ว เพราะทางพศ. มีหน้าที่ประสานกับทางมหาเถรสมาคม เพื่อแจ้งให้ดำเนินการต่อไป หลังจากการสอบสวนเสร็จก็คงมีการจับลาสิกขา
เมื่อถามต่อว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะมีการดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เช่น ในเรื่องการใช้เงินวัด นายสุชาติกล่าวว่า ตรงนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจแล้ว แต่อย่างไรก็ตามทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศ.จ.) ลพบุรี จะเข้าไปสะสางเรื่องภายในวัด วันนี้คาดว่าจะมีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ โดยคาดว่าจะเป็นเจ้าคณะตำบล โดยจะต้องลาออกจากเจ้าคณะตำบลก่อนไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนกัน