xs
xsm
sm
md
lg

ปภ.ติดตามสถานการณ์พายุ"คาจิกิ" พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (25 ส.ค.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัย จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี และเขต 16 ชัยนาท ไปสนับสนุนพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงเตรียมความพร้อมเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 พร้อม The Guardian Team เพื่อเข้าสนับสนุนการปฏิบัติการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างทันท่วงที

นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” พบว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” บริเวณ ทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ประมาณ 120 กิโลเมตร กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนามตอนบน และจะอ่อนกำลังลง มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) ส่งผลให้ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรง ในช่วงวันที่ 25 - 27 สิงหาคม 2568 ซึ่งทาง ปภ. ได้ทำการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 45 จังหวัดให้ทราบก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับการปฏิบัติการ ขณะนี้ ปภ.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงแล้วเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน พร้อมสั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เตรียมพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการให้สามารถออกปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้เครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตต่าง ๆ ประกอบด้วย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี ที่สนับสนุนรถเคลื่อนย้ายผู้ปประสบภัย จำนวน 2 คัน รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 1 คัน เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จำนวน 5 คน ส่วนศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 16 ชัยนาท สนับสนุนเรือท้องแบน จำนวน 5 ลำ เครื่องยนต์เรือหางสั้น จำนวน 10 เครื่อง รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย จำนวน 3 คัน รถกู้ภัยลากเรือ จำนวน 1 คัน รถปิกอัพตอนเดียว จำนวน 1 คัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จำนวน 5 คน ได้เดินทางถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดระดมทรัพยากร (Staging Area) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แล้ว และพร้อมรับมอบภารกิจในการช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ได้นำรถบรรทุกและรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว รถผลิตน้ำดื่ม และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จำนวน 10 คน สนับสนุนการปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดน่าน นอกจากนี้ ปภ. ยังได้ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) เตรียมความพร้อมเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำอากาศยานและทีมช่างประจำอากาศยาน หรือ “The Guardian Team” เตรียมพร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เข้าถึงยาก

“ปภ. จะต้องเตรียมพร้อม ทั้งทีมเผชิญเหตุและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นรถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เครื่องสูบส่งระยะไกล รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือพร้อมเครื่องยนต์ เรือท้องแบน จะต้องมีความพร้อมออกช่วยหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง” อธิบดี ปภ. กล่าว

นายเชษฐา กล่าวต่อว่า ในระยะนี้ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด ซึ่งทาง ปภ. และหน่วยงานด้านการพยากรณ์จะติดตามสถานการณ์ หากพบปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน จะทำการแจ้งเตือนประชาชนทราบในช่องทางต่าง ๆ และหากประชาชนได้รับการแจ้งเตือน ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป