xs
xsm
sm
md
lg

ปลัด มท.ยันบัตร ปชช."หลวงพ่ออลงกต-อลงกต พลมุข"คนละเลข/คนละคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอรรษษิฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีเลขประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ตรงกับนายอลงกต พลมุข ข้าราชการกรมชลประทาน ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยยืนยันว่า สำนักงานกรมการปกครองซึ่งมีสำนักบริหารทะเบียน เลขบัตรประจำตัวประชาชนทุกคนซ้ำกันไม่ได้อยู่แล้ว และกรมการปกครองได้ชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบแล้วว่าเลขบัตรประจำตัวของหลวงพ่ออลงกต ที่นามสกุลเดิมว่า พูลมุข มีสระอู แต่นายอลงกต พลมุข ที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มีสระอู ซึ่งเป็นคนละคนกัน และเลขบัตรประจำตัวประชาชนก็คนละเลขกัน ทั้งนี้ เป็นการยืนยันที่กรมการปกครองได้รายงานมา ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนเดียวกัน ดังนั้น จึงเป็นหลักฐานทางทะเบียน แต่การนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปทำธุรกรรมของธนาคารต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ทำไมถึงใช้เลขบัตรของผู้ที่เสียชีวิต เราได้บอกว่าถ้ากรมการปกครองสามารถสร้างความกระจ่างได้มากขึ้น ให้ไปตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะทราบผล

ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่าทั้งสองคน หลวงพ่ออลงกต ซึ่งเกิดปี 2503 และนายอลงกต ที่เกิดปี 2505 นั้น คนละคนกัน เลขบัตรประจำตัวประชาชน ก็คนละเลขกัน

เมื่อถามว่า ตั้งแต่ปี 2503 ตั้งแต่หลวงพ่ออลงกตเกิด จนถึงปี 2552 ไม่มีข้อมูลปรากฏในทะเบียนราษฎร์ แต่นำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้ทำธุรกรรมหรือออกหนังสือราชการ จะมีความผิดอะไรหรือไม่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เป็นเลขบัตรประจำตัวประชาชนเลขเดิมของท่านที่ทำตอนที่มีบัตรประชาชน แต่ทั้งนี้จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ หากมีข้อผิดพลาด ไม่ถูกต้อง ก็ต้องดำเนินการตามข้อมูลทางกฎหมาย

ส่วนที่กองทุนอาทรประชานารถ ของวัดพระบาทน้ำพุ นำเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วไปเปิดเป็นพร้อมเพย์นั้น ต้องตรวจสอบว่าทำไมถึงใช้เลขของผู้เสียชีวิตไปเปิดเป็นกองทุน เพราะจริงๆ แล้ว เลขของหลวงพ่ออลงกตนั้นเป็นคนละเลขกัน ต้องตรวจสอบคนที่นำไปใช้ เราไม่แน่ใจว่าคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ดำเนินการอย่างไร จึงต้องตรวจสอบ

เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมาขอข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า กรมการปกครองเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบน่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรก็จะมีการรายงานมายังกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว