xs
xsm
sm
md
lg

"จตุพร"เชื่ออนาคตนายกฯ ได้มาถึงเวลาจบลงแล้ว หากยังดื้อยื้ออยู่ต่อไปอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ว่า แม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด นายกฯ อุ๊งอิ๊ง–แพทองธาร ชินวัตร จะไปศาล รธน.นัดไต่สวนคดีคลิปเสียงหลุดในวันที่ 21 ส.ค.หรือไม่ แต่อนาคตนายกฯ ได้มาถึงเวลาจบลงแล้ว หากยังดื้อยื้อเวลาอยู่ต่อไปอีก ยิ่งจะถูกหลากปัญหารุมกระหน่ำซัดหนักหน่วงมากขึ้น

อีกทั้งเชื่อว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง คงตัดสินนาทีสุดท้ายจะไปไต่สวนของศาล รธน.หรือไม่ แม้ถ้าไปแล้วเจอแรงเสียดทานจากคำถามของตุลาการ แต่เป็นโอกาสได้อธิบายความคลิปเสียงสนทนา ส่วนศาล รธน.คิดเห็นอย่างไรย่อมขึ้นกับคำชี้แจงของตัวอุ๊งอิ๊งเอง สำหรับประชาชนแล้ว ได้ตัดสินนายกฯ ไปตั้งแต่วันคลิปเสียงหลุดเมื่อ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยประเมินจากความนิยมรัฐบาลมีแค่ 4% เศษเท่านั้น ซึ่งตกต่ำอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ถ้าอุ๊งอิ๊งไปศาล รธน. (วันที่ 21 ส.ค.) คงบ่งชี้เบื้องต้นว่า แนวโน้มไม่คิดลาออกจาก นายกฯ แต่หากตอบคำถามไม่ได้ กระแสไม่พอใจยิ่งจะหนักเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ขณะที่ถ้าไม่ไปอาจรอวันตัดสิน 29 ส.ค. หรือลาออกก่อน แต่ความเสียหายจะน้อยกว่า

“ผมผ่านศาลมามากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก อะไรที่คิดว่าชัวร์ๆ แต่ถึงเวลากลายเป็นคนละเรื่อง ผมเจอแบบนี้บ่อยอยู่แล้ว จึงขอบอกด้วยความหวังดีว่า อย่ามั่น (หน้า) ให้มาก เพราะส่วนใหญ่ที่ว่าชัวร์ๆ มักพลิกผัน ดังนั้น ข่าวร้ายมักจะมาหลังข่าวดีเสมอ"

พร้อมทั้งกล่าวว่า อุ๊งอิ๊งเก็บต้วเงียบคงเกิดจากปัญหาหลากหลาย เมื่อพิจารณาภาษากายอาจเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกภายในใจได้ว่า คงคิดชั่งน้ำหนักจะไปหรือไม่ไปให้ศาล รธน.ไต่สวน พร้อมๆกับทบทวนคำชี้แจงไปด้วย เผื่อตัดสินใจไปศาล สิ่งนี้บ่งบอกถึงอาการจิตรวนๆ ของนายกฯ

นอกจากนี้ นายกฯ เก็บตัวเงียบส่วนหนึ่งคงไม่อยากเจอคำถามจากสื่อมวลชนมากวนใจเพราะไม่ต้องการตอบ ซึ่งอาจจะทำให้เสียสมาธิและท่ามกลางจิตรวนๆอยู่ ยิ่งจะเป็นปัญหาได้ง่าย สิ่งดีที่สุดจึงไม่ต้องเจอผู้คน แล้วไปอยู่กับตัวเองกับในสิ่งที่ต้องการกำหนดได้

ดังนั้น ถ้าอุ๊งอิ๊งไปศาล ช่วงหายหน้าจากสังคมและไม่ไปประชุมพรรค ย่อมคาดกันว่า ซ้อมทบทวนคำชี้แจงต่อศาลอยู่ อย่างไรก็ตาม หากใช้ข้อเท็จจริงตามที่ตัวเองแถลงข่าวและทักษิณ ชินวัตร เสมียนประเทศพูดกรณีคลิปเสียงแล้ว สถานการณ์คงไม่มาไกลถึงขนาดนี้ก็ได้ ดังนั้น เมื่อนายกฯ เก็บตัวเงียบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ และ รมว.มหาดไทย จึงรับเสียงก่นด่าจากประชาชนแทนอย่างเลี่ยงไม่พ้น

นายจตุพร กล่าวถึงกระแสข่าวผลตัดสินของศาลจะออกมา 5 ต่อ 4 ว่า ล้วนเป็นการคิดและทำนายกันเองทั้งนั้น ซึ่งใครเชื่ออย่างไรก็คิดอย่างงั้น แต่ไม่ง่ายหรอก ยิ่งท่ามกลางการจับตาของสังคมแล้ว ข่าวคราวที่ออกมาแต่ละเรื่องย่อมไม่เป็นผลดีกับคนถูกร้อง สิ่งสำคัญคนทำหน้าที่ตุลาการจะถูกจับตาอย่างมาก โดยบทเรียนศาล รธน.ตัดสินทักษิณ คดีซุกหุ้นจนรอดด้วยเสียง 8 ต่อ 7 อ้างเหตุบกพร่องโดยสุจริต แล้วยังอิงผลเลือกตั้งจากประชาชน แต่สถานการณ์การเมืองขณะนี้แตกต่างกันสิ้นเชิง

"คดีซุกหุ้นของทักษิณ (ปี 2544) ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนขาดความน่าถือจากสังคมไป แม้บางคนสารภาพว่า ได้ตัดสินใจผิด แต่เรื่องราวผ่านมาจนมาถึงบัดนี้ ถ้ายังจบแบบเดิมอีก โดยกระแสอุ๊งอิ๊งแตกต่างจากความนิยมทักษิณเมื่อครั้งนั้น ถ้าอุ๊งอิ๊งรอด เธอจะเจอกับประชาชนชนิดคาดไม่ถึงก็แล้วกัน ดังนั้น อย่าวิตกกับกระแส 5 ต่อ 4 เพราะไม่ง่ายหรอก และประชาชนจะไม่ปล่อยให้ใครมาปู้ยี่ปู้ยำได้ง่ายๆ อีกแล้ว”

พร้อมทั้งกล่าวว่า ยิ่งประชาชนตัดสินนายกฯ ตั้งวันที่ 18 มิ.ย. ที่เกิดคลิปหลุดไปแล้ว จึงทำให้ความนิยมของรัฐบาลไม่กระเตื้องขึ้น ดังนั้น ถ้าอุ๊งอิ๊งคิดเป็นย่อมต้องรู้ว่า ถึงเวลาต้องจบทางการเมืองได้แล้ว ยกเว้นยังดื้อรั้นต้องการยื้ออยู่ต่อให้ได้ ก็จะเจอกับอีกหลากหลายปรากฎการณ์ปัญหาตามมา

นายจตุพร ประเมินว่า การเมืองจะถึงจุดเปลี่ยนหรือไม่ คงต้องจับตาสถานการณ์คดีในวันที่ 21-22 และ 29 ส.ค. อย่างไรก็ตาม ถ้าวันที่ 22 ส.ค.คดีทักษิณ กรณี ม.112 ตัดสินเป็นลบ และ 29 ส.ค. อุ๊งอิ๊งถูกศาล รธน.สั่งให้พ้นนายกฯ ย่อมส่อแววคำตอบกับคดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย. จะมีแนวโน้มออกมาเป็นลบเช่นกัน

"ถ้าคดีวันที่ 22 กับ 29 ส.ค.เป็นลบแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้สถานการณ์แบบนี้ วงจะแตกทันที เพราะพรรคร่วมไม่กล้าแบกปัญหาไว้สองเรื่องได้ เมื่อบวกปัญหาดินแดนไทย-กัมพูชาด้วย ความเปราะบางของรัฐบาลยิ่งหนักขึ้นไปอีก ดังนั้น การเมืองเสียงปริ่มน้ำ คุยจะกอดกันแน่นอน เดี๋ยววงก็แตก เพราะพรรคร่วมไม่กล้าเสี่ยงพกจุดอ่อนไปหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก"

ส่วนรัฐบาลไทยโดยนายภูมิธรรม ไม่ฟ้องคดีอาญาสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและฮุนเนต นายกฯ กัมพูชา ในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แต่จะฟ้องศาลไทยนั้น จะทำให้เกิดการฟ้องร้องกันไปมาในศาลของแต่ละประเทศ ซึ่งกัมพูชาก็ฟ้องไทยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ในอนาคตผู้นำทั้งสองประเทศคงมองหน้ากันไม่ติด และการเจรจาทวีภาคีของสองประเทศต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

"ทั้งหมดนั้นไม่ใช่การแก้ไขปัญหา ถ้าต้องการให้เกิดผลจริงจัง ไทยต้องฟ้องคดีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ไม่ใช่ฟ้องศาลตัวเองในแต่ละประเทศ ซึ่งแทบไม่มีสภาพบังคับกันจริงๆ"

ส่วนนายกฯ อุ๊งอิ๊ง โพสต์ถึงเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนามตัดสินใจทำนั้น นายจตุพร กล่าวว่า อุ๊งอิ๊งบอกเสียใจโอกาสของไทยที่จะได้สร้างงานเป็นหมื่นคน แต่ที่เวียดนามกล้าทำเพราะกล้าปรามทุจริตเด็ดขาด ส่วนไทยยังไม่มีความโปร่งใส ดังนั้น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยิ่งจะทำให้ประเทศเต็มไปด้วยพวกธุรกิจสีเทา สีดำเข้ามาใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน รวมทั้งบอกการปรามแก๊งสแกมเมอร์เป็นผลงานรัฐบาลนั้น ถ้าการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชามาจากเหตุนี้ นายกฯ คงได้เสียงนิยมท้วมท้นแล้ว

นายจตุพร ชวนประชาชนไปร่วมแสดงพลังแผ่นดินนัดพิเศษว่า การชุมนุมมีขึ้นในวันที่ 21 ส.ค.ที่ลานประชาชนหน้ารัฐสภา เกียกกาย ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ซึ่งมีความสะดวกสบายทั้งเรื่องห้องสุขา โดยจะมีการอภิปรายเหตุผลให้ยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 จากนักวิชาการมากมาย นอกจากนี้ยังจะมีนักการเมืองมาแสดงความเห็นบนเวทีชุมนุมด้วย ซึ่งประชาชนจะได้รับรู้ว่า มีความคิดเห็นกันอย่างไร

ประเทศไทยต้องมาก่อน