xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท”วิเคราะห์ 2 พ่อลูกรอดคดี 2:1 เชื่อส่งผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า 2 พ่อ-ลูก รอดคดี 2:1

ช่วงนี้มีคดีความสำคัญ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งมีผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองและทิศทางทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ อยู่ 3 คดี คือ

1.คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลอาญานัดรับฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม 2568

2.คดีคลิปเสียงหลุดของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม 2568

3.คดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 กันยายน 2568

คดีทั้ง 3 เป็นคดีที่มีความหมายทางการเมือง เป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน มีการวิเคราะห์ มีการทำนาย มีการนำเสนอข้อมูล หรือวิเคราะห์ทิศทางของคดีไปต่างๆนานา ใช้หลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ การใช้หมอดู ใช้หลักโหราศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงมีนักวิเคราะห์หลายคน วิเคราะห์ว่าผลของคดีจะออกมาในรูปแบบใดบ้าง

ผมในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง จะขออนุญาตวิเคราะห์ 3 คดีนี้ ซึ่งไม่อาจก้าวล่วงดุลพินิจของศาลได้ แต่จะวิเคราะห์ตามความรู้สึกและข้อมูลที่ตัวเองได้ชั่งน้ำหนักแล้ว ประเมินสถานการณ์แล้ว เห็นว่า

1.คดีความผิดมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคดีนี้เป็นการกระทำผิดในต่างประเทศ ซึ่งนายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ประเทศเกาหลีใต้ มีข้อความบางส่วนอาจพาดพิงถึงสถาบันพระกษัตริย์ จึงเข้าข่ายการกระทำผิดมาตรา 112 ทำให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง เมื่อดูความเป็นมาเป็นไปของคดีนี้แล้ว เห็นว่าเหตุเกิดในต่างต่างประเทศ และถ้อยคำที่นายทักษิณพูดอาจจะตีความหมายได้หลายทาง ซึ่งสามารถจะสู้คดีได้ จึงประเมินว่าคดีนี้นายทักษิณน่าจะรอด หรือน่าจะชนะคดี แต่เชื่อว่าศาลชั้นต้นนายทักษิณชนะคดี แต่อัยการสูงสุดสามารถที่จะอุทธรณ์ได้ ก็ต้องไปสู้ในชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาอีก ซึ่งระยะเวลาอีกยาวนานพอสมควร

2.คดีคลิปเสียงหลุด ที่มีการพูดคุยกันระหว่างนางสาวแพทองธารกับสมเด็จฮุนเซน เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นคดีที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ซึ่งคนเป็นนายกรัฐมนตรีไม่พึงกระทำในพฤติกรรมเช่นนี้ ถ้าดูเนื้อหาของคลิปเสียงแล้ว เข้าข่ายกระทำผิดอย่างแน่นอน จึงประเมินว่า คดีนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา และให้นางสาวแพทองธารหยุดปฎิบัติหน้าที่ น่าจะมีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธารพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ในความผิดฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง

3.คดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ซึ่งคดีนี้มีการไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายส่วน และเห็นได้ว่าข้อมูลจากการไต่สวนไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ไม่มีเหตุที่รับฟังได้ว่านายทักษิณป่วยจริง จนจำเป็นต้องมารักษาตัวนอกเรือนจำที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันได้รับการพักโทษ ไม่ได้เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว แสดงให้เห็นว่านายทักษิณยังไม่ได้ถูกจำคุกตามหมายศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลนัดวันฟังคำสั่งแล้ว ยังให้นายทักษิณและผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯคนปัจจุบัน มารับฟังด้วย ก็เป็นเหตุที่บ่งชี้ได้ว่า นายทักษิณยังไม่ได้ถูกคุมขังตามหมายศาลศาลฎีกา น่าจะมีคำสั่งให้นายทักษิณกลับไปจำคุกใหม่

ซึ่งทั้งหมดเป็นบทวิเคราะห์ที่ได้ชั่งน้ำหนักและรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งยืนยันว่าทั้ง 3 คดี ไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจศาล แต่ว่าเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลในฐานะที่เป็นนักสังเกตการณ์ทางการเมือง ถ้าหาก3คดีสำคัญนี้ ทั้ง2พ่อลูกคือนายทักษิณและนางสาวแพทองธาร อาจรอดเพียง1คดีไม่รอด 2 คดีนั้น ส่งผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้