น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตย ดูแลความมั่นคงและเยียวยากับผู้ได้รับผลกระทบทุกคน ในส่วนของการเยียวยาเจ้าหน้าที่รัฐและประชนได้รับผลกระทบ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการเร่งจ่ายเงินเยียวยา แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน ในขณะที่กระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติรวมแล้วกว่า 145,000,000 บาท ส่วนมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้เพิ่มช่องทางการตลาดและการค้าชายแดน ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้ผลกระทบ
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ 1.เรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อผู้ทำความผิด 2.เก็บกู้วัตถุระเบิดและตรวจสอบการใช้โดรนที่ผิดปกติ รวมถึงจัดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับรองรับการเคลื่อนย้ายของประชาชนเมื่อมั่นใจว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดอย่างเร่งด่วนทั้งนี้ เพื่อป้องกันอันตราย พร้อมบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดกรณีผู้ที่ใช้โดรนหรือฝ่าฝืนข้อห้ามที่ทางราชการได้ประกาศไว้ โดยมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ส่วนการรายงานสถานการณ์ล่าสุดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 7 จังหวัด 45 อำเภอ 336 ตำบล 4,081 หมู่บ้าน รวม 262,551 ครัวเรือน หรือกระทบประชาชน ประมาณ 779,000 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 705 หลัง ซ่อมแซมไปแล้วประมาณ 331 หลัง คิดเป็นร้อยละ 46.9 ในด้านงบประมาณเพื่อการช่วยเหลือฉุกเฉิน ขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติการใช้จ่ายเงินทดลองราชการไว้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว รวม 201 ล้านบาท ครอบคลุมค่าอาหารค่าที่พักพิง ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ค่ารักษาพยาบาล และการจัดการศพ โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัย มีการดำเนินการแล้วรวม 17,675,559 บาท นอกจากนี้ รัฐบาลสนับสนุนสิ่งของบรรเทาทุกข์ประมาณ 2,000,000 หน่วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารกล่อง น้ำดื่ม ถุงยังชีพ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักรกลสาธารณภัย เช่น รถกู้ภัย รถผลิตน้ำดื่ม และรถประกอบอาหารลงพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน