น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรองโฆษกพรรค แถลงภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ว่า พรรคเพื่อไทยต้องขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่ร่วมกันผลักดันให้ร่างกฎหมายงบประมาณผ่านในวาระที่ 2 และ 3 เพราะนี่คือ การมองเห็นร่วมกันว่า ร่างกฎหมายนี้คือหัวใจของการขับเคลื่อนนโยบายที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชน และขอขอบคุณพรรคฝ่ายค้านที่ได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการใช้งบประมาณตลอดทั้ง 3 วันที่มีการอภิปราย
“ดิฉันยืนยันว่า งบประมาณปี 2569 ไม่ใช่เพียงตัวเลขในเอกสาร ไม่ใช่ตัวเลขที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่นี่คืองบประมาณที่เราจะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และวางรากฐานอนาคตของประเทศ ภายใต้ความท้าทายหลากหลายที่เรากำลังเผชิญ พรรคเพื่อไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะใช้งบฯ อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบโจทย์ชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง”
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า หลังจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว กระบวนการต่อไปที่ประชาชนรอคอย คือขั้นการพิจารณาจากวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่าวุฒิสภาจะเร่งรัดพิจารณา หลังจากนั้นรัฐบาลก็จะนำงบประมาณไปใช้ขับเคลื่อนนโยบายต่อไป โดยนโยบายสำคัญ และโครงการเร่งด่วนที่ต้องใช้งบประมาณปี 2569 ในการผลักดัน ได้แก่
นโยบาย 20 บาทตลอดสาย เพื่อทำให้การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน และลดค่าใช้จ่ายประชาชนทำให้มีเงินเหลือในกระเป๋า
โครงการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจชุมชน มีการตั้งเป้ารายได้จากท่องเที่ยวในปี 2569 ราว 2.8 ล้านล้านบาท ผ่านการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 36 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น ผู้ประกอบการ SMEs และภาคบริการ โดยการโปรโมทการท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การจัดอีเวนต์ใหญ่ตลอดปี 2569
งบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณสุข เพื่อรองรับสังคมสูงวัย เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เพื่อระบบสาธารณสุขที่ดูแลคนทุกกลุ่ม พร้อมทั้งเพิ่มคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาสให้คนไทยสามารถเชื่อมโยงตัวเองจากท้องถิ่นสู่สากลได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
งบการจัดการภัยพิบัติ และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ท้องถิ่นมีงบประมาณพร้อมรับมือปัญหาที่ใกล้ตัว รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้ง ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการผลิตผลทางการเกษตร
นอกจากนี้ น.ส.ขัตติยา กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่รัฐบาลได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแล้ว คือ “โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าว ปีการผลิต 2568/69” ผ่านการจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด 10 ไร่ ต่อครัวเรือน ครอบคลุมทั้งนาปีและนาปรัง เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนและเสริมสภาพคล่องให้ชาวนา โดยเตรียมจ่ายงวดแรกได้ตั้งแต่ช่วงกันยายนนี้เป็นต้นไป โดยเงินช่วยเหลือทั้งหมด จะส่งตรงเข้าบัญชีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ลดความล่าช้าและต้นทุนธุรกรรมของเกษตรกรให้มากที่สุด
ส่วนปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย รัฐบาลได้เดินหน้า “พยุงราคา และดูดซับผลผลิต” ทันทีในฤดูกาลผลผลิตล้นตลาด โดยร่วมกับสมาคมโรงอบลำไยอบแห้งภาคเหนือ ตั้งจุดรับซื้อและรับซื้อลำไยเกรด AA ที่กิโลกรัมละ 13 บาท ถึงวันที่ 20 สิงหาคม พร้อมเร่งเสนอ ครม. ออกมาตรการช่วยเหลือเสริมเป็นเงินไร่ละ 1,400 บาท เพื่อทดแทนรายได้ โดยทั้งสองมาตรการมีเป้าหมายให้รายได้ถึงมือเกษตรกรอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สส. ของพรรคเพื่อไทยจะติดตามสถานการณ์ และการตั้งจุดรับซื้อ ปริมาณรับซื้อ เพื่อสะท้อนต่อรัฐบาลต่อไป เพื่อให้แก้ไขปัญหาของเกษตรกรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด