นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ด้านการต่างประเทศ ว่า ช่วงเย็นวานนี้ (7 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ต่อเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ประเทศไทยทั่วโลก เพื่อให้ได้รับทราบเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อนำไปชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับท่าทีไทยในการรักษาผลประโยชน์อย่างเต็มที่ กับทุกฝ่ายที่ติดตามสถานการณ์อยู่ในต่างประเทศ และให้การชี้แจงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้ง ได้ย้ำถึง ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC เพื่อให้ได้ทราบในรายละเอียดที่สำคัญ และชี้แจงทีมผู้สังเกตการณ์ ที่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน คือ ทีมสังเกตการณ์ Interrim observer Team ไทย และกัมพูชาเห็นพ้องกัน แต่ทีม Monitoring team ไม่สามารถทำได้ทันที ต้องใช้ระยะเวลาในการจัดตั้ง
นางมาระตี กล่าวว่า นายมาริษ ยังได้ขอให้สะท้อนกับประชาคมโลก ว่า ในการเจรจา และการเดินหน้าต่อไป ไทยจะยึดมั่นในข้อเท็จจริง กฎหมายสากล ความจริงใจ และสุจริตใจ เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว และยังคงต้องรักษาอธิปไตย ยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง พร้อมให้ติดตามประเมินระดับความเข้าใจของนานาประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะนี้ และมุมมองต่อประเทศไทย โดยสถานทูต และผู้แทนถาวร ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงภารกิจ ที่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงแก่ประเทศเจ้าบ้าน และทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนท้องถิ่น รวมถึงการติดตามความคืบหน้าในองค์การระหว่างประเทศ
นางมาระตี ยังขอให้ประชาชนคนไทย มั่นใจว่า ทีมไทยแลนด์ทุกแห่งกำลังทำงานอย่างเต็มที่ และพร้อมเพรียง เพื่อสื่อสารกับประชาคมโลก โดยเฉพาะในจังหวะสำคัญนี้ เพื่อเน้นย้ำถึงจุดยืนของไทย ที่ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคี และยังคงเดินหน้าปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดจริงใจ และสุจริตใจ พร้อมย้ำว่า สถานการณ์ไทย – กัมพูชา ในขณะนี้เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เรื่องระหว่างประชาชน ซึ่งผลการประชุม GBC น่าจะสะท้อนความตั้งใจของทั้งสองฝ่าย ในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และขอให้เป็นแบบนั้นอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันรักษาบรรยากาศที่ดี เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศ และให้ประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนได้กลับบ้านโดยเร็ว เพื่อกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ด้านนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศบ.ทก. ได้แต่งตั้งนางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี ปฏิบัติหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสา โดยมีภารกิจหลักในการสื่อสารข้อมูลที่เป็นความจริงให้กับประชาชนทางออนไลน์ ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว สร้างความเข้าใจในสถานการณ์ โดยปราศจากเฟกนิวส์
นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลในขณะนี้ คือ การดูแลความปลอดภัยและพาพี่น้องประชาชนกลับบ้านอย่างปลอดภัยที่สุด ในพื้นที่ที่ได้รับการยืนยันว่า ปลอดภัย 100 % ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยทหารในพื้นที่ เพื่อพิจารณาว่า พื้นที่ใดมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะให้ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาได้
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย กว่า 22,600 คนยังปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยล่าสุด ในพื้นที่มีการประกาศเขตให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินใน 7 จังหวัด มีศูนย์พักพิงชั่วคราว 353 แห่งใน 4 จังหวัด แต่ยังมีจรวด BM 21 ที่ยังไม่ได้เก็บกู้และหลงเหลือในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงกำลังเร่งเก็บกู้ เพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัยในการเตรียมให้ประชาชนกลับบ้าน