xs
xsm
sm
md
lg

"เผ่าภูมิ" ชี้ "ภาษีทรัมป์" 19% เป็นระดับที่น่าพอใจ เผย GDP Q2 แนวโน้มดีกว่าคาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง GDP ไตรมาส2 ปี 2568 ว่า มีแนวโน้มออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปี ซึ่งหลายสำนักทั้งในและต่างประเทศได้เริ่มมีการปรับประมาณการ GDP ของไทยเพิ่มขึ้น เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับจากร้อยละ 2.1 เป็นร้อยละ 2.2 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับจากร้อยละ 1.8 เป็นร้อยละ 2.0 โดยกลางเดือนนี้ สศช. จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะออกมาดี และสอดคล้องกับสัญญาณทางเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น และการค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาษีที่น้อยกว่าที่กังวลกัน ส่วนตัวเลขการจัดเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ ในอัตราร้อยละ 19 เป็นอัตราที่น่าพึงพอใจ และอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งทางการค้าในภูมิภาค

นอกจากนี้ จากการที่ประเทศไทยได้รับอัตราภาษีที่ต่ำกว่าเวียดนามนั้น สะท้อนถึงความสามารถในการผลิตในประเทศ (Local Production Content) ถือเป็นข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง เพราะในมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราที่แตกต่างกันตามระดับ "Transshipment" หรือสัดส่วนสินค้าที่ไม่ได้ผลิตในประเทศนั้นๆ หากสินค้ามีส่วนประกอบที่ผลิตจากประเทศที่สามเป็นหลัก จะถูกเก็บภาษีในอัตราสูง ในขณะที่ไทยมีห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ที่ยาวและลึกกว่าคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ทำให้สินค้าไทยมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่ได้รับอัตราภาษีต่ำกว่า

ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือ การใช้เกณฑ์ "Regional Value Content" (RVC) ซึ่งจะมีการกำหนดเส้นแบ่งของสัดส่วนวัตถุดิบและการผลิตในประเทศ หากสินค้าผลิตในประเทศในสัดส่วนที่สูงกว่าค่ากลาง จะได้ภาษีในเรทต่ำ แต่หากต่ำกว่าก็จะถูกเก็บภาษีในเรทสูง ตรงนี้ประเทศไทยมีจุดแข็ง เพราะมีอุตสาหกรรมพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะยกระดับห่วงโซ่การผลิตให้มีมูลค่าเพิ่มในประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้เปรียบในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องภาษีทำให้ข้อได้เปรียบเสียเปรียบทางการค้าในด้านต้นทุนภาษีกลับสู่จุดที่เสมอกัน คือ ไม่มีประเทศใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างชัดเจน แต่ไทยยังมีความได้เปรียบเชิงคุณภาพ เพราะมีการผลิตจริงในประเทศมากกว่า และมีต้นทุนในระดับที่แข่งขันได้ โดยเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้มากขึ้นในระยะถัดไป

นอกจากนี้ ยังมีภาคอุตสาหกรรมที่ยังได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการซอฟต์โลน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยอยู่ในขั้นตอนการประเมินขนาดของผลกระทบ เพื่อให้มาตรการที่ออกมานั้นมีขนาดเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป คาดว่าจะสามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้เร็วๆ นี้

แต่ในระหว่างนี้ก็มีบางธนาคารออกมาตรการดูแลผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ เช่น EXIM Bank ได้ออกมาตรการ อาทิ การพักชำระหนี้ การปรับลดดอกเบี้ย การเพิ่มวงเงินหมุนเวียน รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการในการเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น สินเชื่อสำหรับการโรดโชว์ การจัดแสดงสินค้า และการประกันการส่งออก เพื่อเสริมความมั่นใจให้ภาคเอกชนสามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง