ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (4-8 ส.ค.) ที่ 32.30-33.10 บาทต่อดอลลาร์ จากปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค. ที่ 32.85 บาทต่อดอลลาร์
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบค่อนข้างแคบก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์ แต่เริ่มทยอยอ่อนค่าลงในช่วงกลางสัปดาห์ สวนทางเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น หลังผลการประชุมเฟดสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (โอกาสการลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. ลดลง) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อาทิ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกรกฎาคม และดัชนีราคา Core PCE ที่ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนมิถุนายน (ตลาดคาดที่ 2.7%)
ในช่วงท้ายสัปดาห์ เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับทิศทางอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อ หลังความกังวลต่อผลกระทบของภาษีสินค้านำเข้าต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่อนคลายลงบางส่วน หลังการเปิดเผยภาษี Tariffs อัตราใหม่ที่เริ่มมีผล 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ต่ำกว่าอัตราที่ประกาศเมื่อ 9 เมษายน
สำหรับสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิถุนายน ดัชนี PMI/ISM ภาคบริการเดือนกรกฎาคม และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนกรกฎาคม ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนกรกฎาคม อาทิ ตัวเลขการส่งออก ด้วยเช่นกัน