นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) ประชุมหารือคณะกรรมการสอบสวนคลิปเสียงระหว่าง สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า การประชุมหารือระหว่างอัยการสูงสุดกับตำรวจไซเบอร์เป็นครั้งแรก หลังมีการตั้งคณะกรรมการการสอบสวน กรณีที่นายสมคิด เชื้อคง เลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษสมเด็จฮุน เซน ในประเด็นปล่อยคลิปเสียงสนทนากับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาไว้ 2 ข้อหา ประกอบด้วย ม.116 ความผิดฐาน ยุยงปลุกปั่น และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหาใคร เป็นเพียงการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวจะเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ทางอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หากไม่สั่งฟ้องคดีก็เป็นอันสิ้นสุด ซึ่งจะมีการกำหนดทิศทางและแนวทางสอบสวนว่าจะเรียกพยานคนไหนเข้ามาสอบปากคำบ้าง รวมถึงการพิจารณาเรียกนายกรัฐมนตรีเข้ามาสอบด้วยเช่นกัน ส่วนการสอบปากคำฮุน เซน คู่กรณี โอกาสที่จะเรียกมาให้ปากคำค่อนข้างยาก
สำหรับขั้นตอน หากอัยการสูงสุดชี้ว่ามีความผิด จะมีขั้นตอนการออกหมายจับและเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนข้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ โอกาสที่ทั่วโลกจะจับกุมผู้กระทำความผิดหรือไม่ นายวัชรินทร์ ตอบว่า เรื่องนี้เร็วเกินไป ไม่สามารถตอบได้
ทั้งนี้ หากอัยการสูงสุดมีการรับพิจารณาเป็นความผิดแล้ว จะมีการเชิญนายสมคิด มาให้ปากคำเพิ่มเติม ยอมรับว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีที่จับจ้องของประชาชน ดังนั้นคณะพนักงานสอบสวนจะต้องมีการทำอย่างรอบคอบแต่ไม่กดดัน เพียงแต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัตฒน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้กล่าวหา ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะไทม์ไลน์ที่ฮุน เซน ส่งให้คนใกล้ชิด 80 คน ส่วนฮุน เซน จะเป็นคนโพสต์เองหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งขบวนการดังกล่าวมีการวางแผนเป็นขั้นตอน เบื้องต้นพบว่ามีแอดมิน 4 คน ที่โพสต์จากกัมพูชา แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าสมเด็จฮุน เซน เป็นผู้โพสต์ด้วยหรือไม่