xs
xsm
sm
md
lg

"มาริษ" ยันไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีนานาชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ถือว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในเวทีการเมืองระหว่างประเทศในการรับมือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยมองว่าไทยได้เปรียบใน 3 ด้าน คือ

1. การชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำจุดยืนตั้งแต่ต้นว่า เรายึดมั่นในสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ กรอบกฎบัตรของอาเซียน และความร่วมมือของชุมชนอาเซียน โดยไทยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากองค์การสหประชาชาติ

2. มาตรการทางทหาร ไทยสามารถยึดพื้นที่ 11 พื้นที่ของไทย

3. การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายระหว่างไทยและกัมพูชา และทำให้กัมพูชากลับมาใช้กลไกทวิภาคีในการเจรจา

นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของไทยได้เปรียบในการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีการตกลงหยุดยิง ไทยได้รับคำชมเป็นอย่างมากว่า เรากล้าหาญและมีวุฒิภาวะ และยังมีการตกลงว่าไทยและกัมพูชา จะไม่ใช้เฟกนิวส์ และสงครามข่าวสารมาตอบโต้ซึ่งกันและกัน แต่กัมพูชายังละเมิดสิ่งที่ตกลงกันไว้ ซึ่งสอดคล้องกับคำแถลงการณ์ของข้าหลวงใหญ่ของสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่ระบุว่า ไม่เห็นด้วยและต่อต้านการใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุ บิดเบือน เพราะไม่สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนด้วย

ดังนั้น ชัดเจนว่าไทยทำตัวมีวุฒิภาวะเป็นที่ประจักษ์ต่อสากล แต่กัมพูชาใช้สงครามข่าวสาร เนื่องจากไม่ได้เปรียบไทยในหลายๆ ด้าน ซึ่งไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการมอนิเตอร์และตอบโต้ในทุกกรณี

ส่วนกรณีที่ไทยตามหลังกัมพูชา ทั้งเรื่องเฟกนิวส์ และเรื่องการนำทูตและสื่อลงพื้นที่ ไทยเป็นฝ่ายรับตลอด หลังจากนี้จะมีมาตรการเชิงรุกหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ไทยต้องมั่นใจก่อนว่าในการลงพื้นที่จะมีความปลอดภัยจริง เพราะไทยไม่ได้มีพฤติกรรมเป็นฝ่ายที่จะโจมตีจุดของพลเรือน ส่วนประเด็นเรื่องความเร็ว เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่ความมั่นใจในข้อมูลข่าวสาร ความน่าเชื่อถือ เป็นเรื่องสำคัญ ตนไม่ต้องการให้ประเทศไทยถูกมองแบบกัมพูชา ที่บิดเบือนข้อมูล และพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

เมื่อถามว่า ขณะนี้เกิดสงครามข้อมูลข่าวสาร จะถือว่าผิดกฎบัตรอาเซียนที่ระบุว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องอยู่ด้วยความสันติสุข มีโอกาสหรือไม่ที่ไทยจะร้องขอให้ประธานอาเซียนเรียกประชุมสมาชิกเพื่อมีมติจัดการกับกัมพูชา นายมาริษ กล่าวว่า เป้าหมายแรกเริ่มของเราไม่ต้องการให้ประเทศอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ดังนั้น 2 ประเทศต้องเจรจากัน และฝ่ายไทยไม่ได้เป็นผู้ละเมิดใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี ไทยไม่จำเป็นต้องไปถึงกฎบัตรอาเซียน เพราะในการประชุมที่มาเลเซียก็ได้มีข้อตกลงแล้ว และมีพยานจาก 3 ประเทศด้วย ในขณะที่ไทยจะมีมาตรการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับทหารกัมพูชาที่ถูกจับในประเทศไทย นายมาริษ กล่าวว่า ไทยให้การดูแลภายใต้อนุสัญญาเจนีวา โดยย้ำว่าไทยให้การดูแลตามกฎบัตรประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศทุกประการ

ส่วนจะปล่อยตัวกลับไปเมื่อไรนั้น นายมาริษ กล่าวว่า ตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ระบุว่า "เราสามารถควบคุมตัวได้ และจะปล่อยกลับไปต่อเมื่อเรามีความมั่นใจว่าบุคคลเหล่านี้จะไม่กลับมาทำร้ายประเทศไทยได้อีก" ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไทยต้องยึดถือ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงพิจารณาด้วย