พ.ต.หญิง จุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่การสู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา หลังจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงโจมตีเข้ามาในเขตพื้นที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.ค.68) ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่รวม 14 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก อ.สังขะ อ.บัวเชด อ.ปราสาท และ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์, อ.กันทรลักษ์ อ.เบญจลักษณ์ อ.ศรีรัตนะ อ.พยุห์ อ.กันทรารมย์ และ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ และ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน, โรงพยาบาล และสถานที่พลเรือน อย่างไร้มนุษยธรรม
จากการตรวจสอบเบื้องต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ค.68) พบว่ามีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 29 คน และเสียชีวิต 16 ราย เป็นเหตุให้ต้องมีการอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัย และป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน
ปัจจุบันกองทัพบก โดย กองกำลังสุรนารี มณฑลทหารบกที่ 22, มณฑลทหารบกที่ 25 และมณฑลทหารบกที่ 26 ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชนในพื้นที่เร่งดำเนินการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน โดยมีจำนวนผู้อพยพรวมทั้งสิ้น 63,446 คน (จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4,813 คน, จ.สุรินทร์ จำนวน 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ จำนวน 26,511 คน และ จ.อุบลราชธานี จำนวน 10,476 คน)
พร้อมกันนี้ กองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด และจัดรถครัวสนามกองทัพบกจำนวน 2 คัน ประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่รวบรวมพลเรือนอีกด้วย
ขณะเดียวกัน มณฑลทหารบกที่ 22 ยังได้ร่วมกับปกครองจังหวัดอุบลราชธานี จัดชุดอาสารักษาดินแดนออกลาดตระเวนเพื่อดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ผู้อพยพคลายกังวลในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินส่วนบุคคล
ทั้งนี้ กองทัพบกขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทำการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งกองทัพบกพร้อมปกป้องอธิปไตยและประชาชนให้ปลอดภัยจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชาอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน