พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรเป็นอันดับแรก โดยทรงรับ “มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ” ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงดำรงตำแหน่งองค์พระราชูปถัมภก โดยมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะ สืบสาน รักษา และต่อยอด แนวทางบำบัดทุกข์บำรุงสุขของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแนวทางในการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยให้เป็นระบบ รวดเร็ว และไม่ซ้ำซ้อน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์ ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ผู้ประสบภัย ผู้ยากไร้ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเข้าถึงและทั่วถึง
หนึ่งในภารกิจสำคัญขององคมนตรีในฐานะผู้แทนพระองค์ คือ การสงเคราะห์ราษฎรที่เดือดร้อนประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ได้แก่ อุทกภัย วาตภัย ภัยหนาว และอุบัติภัยอื่น ๆ ด้วยสิ่งของพระราชทานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องนุ่งห่ม เต็นท์ และผ้าใบ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติ มีอาหารที่สะอาด ถูกสุขอนามัยรับประทานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการช่วยเหลือระยะยาว เช่น การสำรวจและมอบทุนพระราชทานเพื่อการศึกษาสงเคราะห์ให้แก่บุตร-ธิดา ในครอบครัวที่บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง เสียชีวิตจากภัยต่าง ๆ ให้สามารถมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สร้างอนาคตที่ดี และเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวต่อไป
นอกเหนือจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักว่า “การศึกษา คือโอกาสของชีวิต” จึงมีพระราชดำริให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ สนับสนุนเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยให้การสนับสนุนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด ๖๗ แห่ง และโรงเรียนที่มูลนิธิฯ ให้การสนับสนุนอีก ๘ แห่ง รวมเป็น ๗๕ แห่ง
การดำเนินงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จึงสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณอันแผ่ไพศาลและพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลในการช่วยเหลือพสกนิกรทั่วแผ่นดินไทย ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวทางในการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างเป็นระบบ รวดเร็วทันเหตุการณ์ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนได้อย่างทันท่วงที