พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ นำสำนวนคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. แห่งใหม่ พังถล่ม จำนวน 51 กล่อง 233 แฟ้ม 98,926 แผ่น ส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหา ทั้งนิติบุคคล และบุคคล รวม 23 ราย ในจำนวนนั้นมี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาในกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง
โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง
หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.สมควร เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสอบสวนคดีตึก สตง.ถล่มเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้ส่งสำนวนการสอบสวนมาทั้งหมด 233 แฟ้ม 51 ลัง เป็นจำนวน 9 หมื่นกว่าแผ่น ให้กับพนักงานอัยการ เพื่อคณะทำงานศึกษา และรับสำนวนการสืบสวนของเรา โดยในการสืบสวนเรามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 7 บริษัท 18 ราย รวมทั้งหมด 23 ราย
ส่วนการแยกกลุ่มผู้ต้องหาตามความผิดนั้น ประกอบด้วย "เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุมหรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารปลอม" ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องทุกราย และทุกข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้งหมดยังถูกฝากขัง และยังไม่ได้รับการประกันตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังผัดที่ 6 จากทั้งหมด 7 ผัด
เมื่อถามว่า ในกรณีของเจ้าหน้าที่รัฐที่พบข้อมูลว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีตึก สตง.ที่ส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. มีการตอบกลับมาหรือไม่ พล.ต.ต.สมควร ระบุว่า เรื่องนี้มีคนมาร้องทุกข์เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. และเราได้มีการส่งสำนวนไปในห้วงเวลา 30 วันแล้ว หลังจากนี้จะต้องไปขยายผลเพิ่ม ในส่วนที่มีผู้มาร้องว่ามีเนื้อหาสาระที่เป็นประเด็นเดียวกันหรือไม่ เพื่อจะรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับ ป.ป.ช. ทีหลัง และมีการมอบหมายให้เกี่ยวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งทาง ป.ป.ช. ได้รับสำนวนไว้แต่ยังไม่ได้ตอบกลับอะไรกลับมา
เมื่อถามว่าอัยการจะพิจารณาสำนวนทันหรือไม่ก่อนครบฝากขังในผัดที่ 7 นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ยืนยันว่า เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องทำให้ทัน เพื่อจะต้องสั่งทางคดีอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเรามีคณะทำงานในเรื่องนี้ แม้สำนวนในคดีจะมีเอกสารค่อนข้างเยอะแต่เราก็จะทำโดยละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเราจะต้องทำให้ดีที่สุด
ส่วนจะต้องมีการตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลหรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า คดีนี้เกิดขึ้นในท้องที่ สน.บางซื่อ เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการกองคดีอาญา 8 และอาจจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกขั้นตอนหนึ่ง เมื่อถามว่าจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยดูแลและพิจารณาสำนวนในคดีนี้หรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่ต้องแต่ถ้าหากตรงไหนมีความขัดข้องก็จะประสานกับตำรวจเพิ่มเติม
ส่วนจะต้องมีการสั่งสอบพยานเพิ่มเติมหรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเพิ่งรับสำนวนคดีมา และเพิ่งมีการพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยจะต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งว่าอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน
สำหรับคดีนี้หากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามีการร้องขอความเป็นธรรม จะมีการรับพิจารณาและพิจารณาสำนวนได้ทันในกรอบฝากขังก่อนหรือไม่ นายสัญจัย ระบุว่า หากมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาก็จะต้องรับมาพิจารณาอยู่แล้ว เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ส่วนข้อร้องขอความเป็นธรรมจะต้องไปดูว่าเป็นประเด็นที่ตำรวจสอบสวนไปแล้วหรือไม่ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา เพราะเพิ่งรับสำนวน ส่วนในชั้นพนักงานสอบสวนของตำรวจ ก็ยังไม่มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาเช่นกัน
ส่วนกรณีที่นายดำรง พุฒตาล และนางนารากร ติยายน แจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการ สตง. คนปัจจุบัน และนายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการ สตง. ในข้อหา "กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำนวนมาก และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" นั้น คณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ต่อไปแล้ว