ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมตรวจเยี่ยมสถานศึกษา ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช และติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลด้านการศึกษา ว่า โรงเรียนแห่งดังกล่าว มีนักเรียนทั้งหมด 2,910 คน และ 83 ห้องเรียน ทั้งโรงเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ โดยเป็นโรงเรียนที่มีผลคะแนนทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต สูงที่สุดในกลุ่มภาคใต้ ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ อยากจะมาฟังปัญหาการบริหารจัดการในพื้นที่ของชาวกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทุกคนว่ามีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้างตามนโยบายของ ศธ. และรัฐบาล หรือเรื่องใดที่ทำแล้วติดขัดข้อกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือการจัดทำงบประมาณ ตนก็พร้อมจะดำเนินการปรับแก้ไขให้ เพราะตนมองว่าในการทำงานจากหลายหน่วยงานจะต้องมีปัญหาเชิงรายละเอียดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงขอฝากให้หน่วยงานในสังกัด ศธ. จัดเวิร์กช็อป เพื่อสรุปประเด็นปัญหาการทำงานด้านการศึกษาต่างๆ ขององค์กรหลักฯ สู่การปรับปรุงการทำงานต่อไป
สำหรับนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินครูนั้น จะถือเป็นนโยบาย 3 เดือนแรก ที่จะแก้ปัญหาให้สำเร็จเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม เพราะเรื่องหนี้ครูมีการแก้ปัญหามาทุกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นนโยบายที่แก้ไขปัญหาได้ไม่สุดทาง ยังไม่ทะลุปัญหา ดังนั้นในยุคของตนจะทำให้เห็นว่าแก้ปัญหาหนี้ครูได้จริง เพราะการแก้ปัญหาหนี้ครู ก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาภาพรวมของรัฐบาล ที่ต้องขจัดความยากจนจากการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งหนี้สินครูก็เป็นหนี้ที่รวมอยู่กับหนี้สินครัวเรือนด้วย โดยสัปดาห์หน้าจะหารือกับ ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ถึงประเด็นการจัดทำรูปแบบสหกรณ์กลาง สกสค. ขึ้น โดยสหกรณ์กลางดังกล่าวเป็นการรวมหนี้ของครูจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยการโอนหนี้และทุนเรือนหุ้นมาอยู่ที่สหกรณ์กลาง สกสค. และรัฐบาลจะหาแหล่งเงินทุนเข้ามาสนับสนุนโดยให้ดอกเบี้ยต่ำกับสหกรณ์ใหม่แห่งนี้ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้อัตราดอกเบี้ย เช่นปีแรก 0 เปอร์เซ็นต์ ปีที่สอง 1 เปอร์เซ็นต์ และไปจบที่ไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์
สำหรับนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินครูนั้น จะถือเป็นนโยบาย 3 เดือนแรก ที่จะแก้ปัญหาให้สำเร็จเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม เพราะเรื่องหนี้ครูมีการแก้ปัญหามาทุกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นนโยบายที่แก้ไขปัญหาได้ไม่สุดทาง ยังไม่ทะลุปัญหา ดังนั้นในยุคของตนจะทำให้เห็นว่าแก้ปัญหาหนี้ครูได้จริง เพราะการแก้ปัญหาหนี้ครู ก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาภาพรวมของรัฐบาล ที่ต้องขจัดความยากจนจากการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งหนี้สินครูก็เป็นหนี้ที่รวมอยู่กับหนี้สินครัวเรือนด้วย โดยสัปดาห์หน้าจะหารือกับ ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ถึงประเด็นการจัดทำรูปแบบสหกรณ์กลาง สกสค. ขึ้น โดยสหกรณ์กลางดังกล่าวเป็นการรวมหนี้ของครูจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยการโอนหนี้และทุนเรือนหุ้นมาอยู่ที่สหกรณ์กลาง สกสค. และรัฐบาลจะหาแหล่งเงินทุนเข้ามาสนับสนุนโดยให้ดอกเบี้ยต่ำกับสหกรณ์ใหม่แห่งนี้ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้อัตราดอกเบี้ย เช่นปีแรก 0 เปอร์เซ็นต์ ปีที่สอง 1 เปอร์เซ็นต์ และไปจบที่ไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์