นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยหลังลงพื้นที่ จ.หนองคาย ว่า ทุกพื้นที่ของไทยและลาวมีฝนตกสะสม ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น เริ่มกระทบหลายพื้นที่
จากการประเมินของ กนช. พบว่ามีโอกาสสูงที่น้ำโขงจะล้นตลิ่งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และปริมาณน้ำจะมากกว่าปี 2567 จึงได้ตั้งศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.หนองคาย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำโขงอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นต้องวางแผนเตรียมการรับมือ ทั้งบุคลากร เครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ ซึ่งการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะทำให้วางแผนบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่จะต้องระบายน้ำออกเพื่อรับมวลน้ำรอบใหม่ เนื่องจากฝนปีนี้มีปริมาณมาก
นอกจากนี้ ยังได้ประสานความร่วมมือกับ สปป.ลาว เพื่อทำงานเชิงรุกร่วมกัน รับมือสถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่งและน้ำท่วม ลดความเสียหายต่อประชาชน ขณะที่จังหวัดได้สั่งการให้ อบจ. เทศบาลและท้องถิ่นต่างๆ เตรียมรับมืออุทกภัย และย้ำกับประชาชนให้รับฟังข้อมูลจากส่วนราชการอย่างใกล้ชิด
ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า อ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวนรวม 10,634 แห่ง ปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี 2567 โดยมีปริมาณน้ำรวมกัน 1,170.43 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 62% ของความจุ
จากการคาดการณ์ปริมาณฝนโดยกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน มีแนวโน้มปริมาณฝนตกสะสมจำนวนมาก ประกอบกับสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง คาดการณ์และประเมินสถานการณ์ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและล้นตลิ่งทั้งในพื้นที่ประเทศไทย (บริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม และมุกดาหาร) สปป.ลาว รวมถึงบางพื้นที่ของกัมพูชา