น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่าผู้นำจีนไม่พอใจที่ไทยจะมีโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง และผู้นำจีนได้กล่าวเตือนถึง 2 ครั้งโดยตนได้จดบันทึกข้อความนั้นไว้ โดย น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวว่า “ท่านอดีต มท.1 ออกไปได้ไม่นาน ลืมเสียแล้วว่าเหตุผลที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเมืองไทย เป็นเรื่องความปลอดภัยของมหาดไทย
ปกติในฤดูท่องเที่ยวโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวจีนจะลดลงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ขณะเดียวกันก็จะมีนักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาเติมเป็นปกติ ส่วนปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องการตัดน้ำตัดไฟก็มีปัญหาจริง ต้องสั่งแล้วสั่งอีก ไม่ทราบว่าได้จดไว้หรือเปล่า” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ สื่อมวลชนได้รายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้ารัฐสภา และกล่าวถึงที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยกรณี นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตือนภัยเกี่ยวกับการทำกาสิโนว่า ในครั้งนั้นได้เดินทางเยือนจีนและได้รับทราบดีว่าแต่ละประเทศเป็นตัวของตัวเอง หากจะมีคำแนะนำและไทยก็รับฟัง มีการพูดถึงกาสิโนและอธิบายให้ฟังว่า ของไทยเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้ทำกาสิโน หากมีก็เพียง 10% ตามที่ได้อธิบายให้คนไทยรับฟัง ซึ่งไทยเห็นว่าประเทศสิงคโปร์ได้ทำกาสิโนประสบความสำเร็จ และมาเก๊าของจีนทำกาสิโนประสบความสำเร็จ
แน่นอนว่าทุกประเทศที่ใกล้กันหากมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เหมือนกันก็ต้องเป็นคู่แข่งกัน เวลามาเล่าอีกรูปแบบหนึ่งก็ใส่สีตีไข่กันไป จริงๆ เป็นคำแนะนำ เราก็ถามของจีนด้วยซ้ำ ท่านสี จิ้นผิง มีคำแนะนำอย่างไร เรื่องเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวของจีน เราก็พร้อมรับฟังอยู่แล้ว ประมาณนี้
ส่วนกรณีที่อนุทินพูดว่า นายสี จิ้นผิง ได้เตือนถึง 3 ครั้ง หากไทยยังไม่ยอมถอยจะมีการปรับมาตรการรวมถึงเรื่องนักท่องเที่ยวที่ไม่เข้ามาในไทยว่าร้อยละ 90 ที่หายไปสาเหตุเพราะเรื่องนี้นั้น น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ท่านอดีต มท.1 ออกไปได้ไม่นานลืมซะแล้วว่าเหตุผลที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเมืองไทยเพราะเรื่องความปลอดภัยหรือไม่ เรื่องของมหาดไทยยังไง เรื่องของความปลอดภัยเป็นสาเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนไม่เข้ามา และจริงๆ แล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงโลซีซัน ลดลง 30% ที่ผ่านมากว่า 20 % ตอนนี้ 30% แต่ไทยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเติมคือของยุโรปที่เข้ามาเติมเพิ่มมากขึ้น
"ซึ่งยอมรับว่านักท่องเที่ยวลดลง เพราะมีมาตรการที่ท่องเที่ยวในประเทศด้วย อันนี้ก็สำคัญเช่นกัน จริงๆ มีปัญหาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องปัญหาคอลเซนเตอร์ เรื่องการตัดน้ำตัดไฟ และมีการตัดอีกไม่ทราบว่ามีการจดหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ใช่เช่นนั้น"
เมื่อถามว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ที่นายสี จิ้นผิง ระบุว่าจะมีการปรับมาตรการเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายสี จิ้นผิง พูดก่อนที่ไทยจะอธิบาย ว่า ท่านไม่ได้สนับสนุนเรื่องกาสิโน ซึ่งหากประเทศใดมีกาสิโน ก็จะดูว่าชาวจีนที่จะไปเป็นอย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับมาตรการว่า หากจะเข้าประเทศใดที่กาสิโน และจะต้องทำอย่างไร
"เราก็เลยถามว่าท่านมีข้อกำหนดอย่างไรหรือไม่หรือข้อแนะนำอย่างไรหรือไม่ เราไม่ได้ปิดประตู เรารับคำแนะนำอยู่แล้ว เวลาเราไปทั่วโลกเค้ามีนโยบายอะไร เรื่องการท่องเที่ยวหรือเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์กับเรา ทุกประเทศไม่ใช่เพียงประเทศไทย เราคุยกันอยู่แล้วว่ามีอะไรที่จะเอื้อเฟื้อกันได้ หรืออะไรที่จะปรับกันได้ เราขอคุยล่วงหน้าก่อน เมื่อท่านพูดเรื่องนี้เราก็อธิบายว่า เราจะทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เหมือนที่สิงคโปร์ มาเก๊าทำ ทำเสร็จก็ประสบความสำเร็จมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น อันนี้เป็นขั้นตอนของการพูด ว่าท่านพูดเรื่องนี้มา ท่านมีข้อแนะนำในเรื่องนี้แล้วเราตอบกับเรื่องนี้ว่าอย่างไร จึงบอกว่าเอามาเขียนทั้งหมดแบบนี้ก็ดูเป็นการใส่สีเข้าไป ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เรื่องในต่างประเทศก็มีบันทึกอยู่"
ขณะที่ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร แค่ถอนรอสถานการณ์แล้วนำกลับเข้ามาใหม่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นไปตามมติของสภาผู้แทนราษฎรเลยว่ามีการพูดคุยอะไรกัน บางเรื่องขออนุญาตไม่ตอบเนื่องจากไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และที่ชี้แจงเรื่องกรณีจีนเพราะว่าตอนนั้นเป็นคนไปปฏิบัติหน้าที่เอง จึงได้มาตอบแต่วันนี้ไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าให้ประชาชนสังเกตได้เลย ว่าจริงๆ แล้วเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยกัน ทราบอยู่แล้วมีเรื่องการติดขัด กับพรรคภูมิใจไทย และเคยคุยกันว่าไม่ต้องการให้เป็นกฎหมายพิเศษใหม่ ต้องการเพียงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโน ซึ่งเห็นว่าหากไม่มีแล้วใครจะมาลงทุน