นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า พายุโหมกระหน่ำ…สู่ประเทศไทย
ในที่สุดแล้วก็ไม่ผิดความคาดหมาย ประเทศไทย โดนภาษีนำเข้าสหรัฐในทุกชนิดสินค้า 36% เชื่อว่าน่าจะกระทบกับภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยอย่างหนัก และคงจะกระทบกับเศรษฐกิจของไทยอย่างสาหัสเช่นกัน ชัดเจนแล้วสำหรับการเจรจาและการทำงานอย่างไม่ใช่มืออาชีพของรัฐบาลไทย เนื่องจากถ้าเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันเช่น เวียดนาม ได้ปรับลดภาษีลงจากการเจรจาจาก40% เหลือ 20% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซีย 25% กัมพูชา 36% ลาวกับเมียนมา 40% จะเห็นว่าประเทศไทยเคยเป็นศูนย์กลางแหล่งการผลิตของภูมิภาคนี้
วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป การลงทุนและภาคอุตสาหกรรมต่างมุ่งเน้นไปที่ประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย สหรัฐเปิดโต๊ะเจรจากับเกือบ 100 กว่าประเทศ แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างอยู่ที่การเจรจาและการทำแผนงานที่เหมาะสม ผลที่ออกมาถึงได้มีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ก็คงต้องย้อนกลับมาดูที่ทีมเจรจาและผู้บริหารของประเทศไทยว่าไปทำอย่างไร ไทยจึงโดนภาษีครั้งนี้เท่ากับกัมพูชา เมื่อเห็นแล้วรู้สึกตกใจและน่าเสียใจ ประเทศไทยที่เคยเป็นประเทศที่ยืนอยู่หัวแถวในการลงทุนของภูมิภาควันนี้ตกลงมาอยู่ท้ายกลุ่มร่วมกับกัมพูชา ลาว เมียนมา ผลจากการขึ้นภาษีในครั้งนี้คงจะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแน่นอน ปัญหาเดิมต่างๆที่มีอยู่ทั้งเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ปากท้องประชาชนลำบาก ค้าขายไม่ได้ ข้าวของแพง สินค้าเกษตรตกต่ำ การท่องเที่ยวซบเซา ปัญหาชายแดนไม่สงบ มาเจอเรื่องภาษีครั้งนี้อีก รัฐบาลคงต้องยอมรับความจริงแล้วว่า วันนี้การบริหารของรัฐบาลมีปัญหาอย่างหนัก…ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้เลยแม้เรื่องเดียว ที่สำคัญการชี้แจงจากสิ่งที่เกิดขึ้นและแผนการรองรับจากปัญหานี้ต่อประชาชนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไม่มี…ปล่อยให้ประชาชนทั้งประเทศสับสน สงสัย มองไม่เห็นอนาคต
#สงสารประเทศไทย🇹🇭
#เห็นใจประชาชน