นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลได้รับหนังสือจากสหรัฐอเมริกาแจ้งเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 36% ยอมรับว่า เป็นตัวเลขที่หนักหน่วง โดยจากอัตราภาษีที่ประกาศเก็บจากอีกหลายประเทศ คงทำให้อ่อนแรงไปทั้งโลก ทั้งนี้ ตลอดคืนที่ผ่านมาได้หารือทั้งกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อทบทวนแผนรับมือผลกระทบและมาตรการช่วยเหลือภาคส่วนต่างๆ ทำงานกันไม่ได้พัก
ขณะที่เช้าวันนี้จะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากต้องทำงานร่วมกันหลายกระทรวง นอกจากนี้ คาดว่านายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือ ทีมไทยแลนด์ จะเรียกประชุมทุกส่วนงานโดยเร็วที่สุด
นายจตุพร กล่าวว่า ได้ประเมินไว้ก่อนแล้วว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีของทรัมป์ต้องเกิดขึ้นแน่ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศใช้มาตรการภาษีต่างตอบโต้ ซึ่งจะทำให้การค้าโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นสิ่งที่กระทบกับทุกประเทศ ไม่ใช่เฉพาะไทย
สำหรับกระทรวงพาณิชย์ สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการคือ การวางแนวทางเยียวยาผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการส่งออกที่สูงขึ้น ที่จะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน เบื้องต้นเตรียมใช้กองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งเป็นกลไกที่มีอยู่แล้ว ในการเยียวยาผู้ประกอบการ ตลอดจนได้ประสานงานกับธนาคารของรัฐเพื่อจัดทำมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง อีกแนวทางสำคัญคือ การผลักดันการเปิดตลาดส่งออกใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่า การรับมือกับวิกฤตการค้าในครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือสถาบันการเงิน โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมประสานและผลักดันให้มาตรการเยียวยาเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วครอบคลุม รวมถึงขับเคลื่อนมาตรการอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการไทย