นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวถึงการทบทวนตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2568 หลังการเจรจากับสหรัฐฯ ยังไม่เป็นผล ว่า ต้องดูปัจจัยหลายอย่าง เดิมให้กรอบจีดีพีไว้ที่ 1.3-2.3% ค่ากลาง 1.8% ในกรณีที่ไทยถูกเรียกเก็บอัตราภาษีสูงสุด 36% และประเทศอื่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ขณะนี้ เวียดนามบรรลุการเจรจาถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องมีการประเมินจีดีพีใหม่ และต้องรอดูประเทศอื่นๆ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่สำคัญไทยเองจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าใด ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ 10-36% พร้อมย้ำว่าสมมติฐานในการคำนวณจีดีพี มีหลากหลายมาก และมีความเป็นไปได้หลากหลายเช่นกัน จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
สำหรับเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ปัจจัยเสี่ยงหลักอยู่ที่การส่งออกที่ขึ้นอยู่กับการเจรจาภาษีด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวก การลงทุนภาคเอกชน และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีแม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การลงทุนภาครัฐที่จะต้องมีการใช้อย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สำหรับเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ปัจจัยเสี่ยงหลักอยู่ที่การส่งออกที่ขึ้นอยู่กับการเจรจาภาษีด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวก การลงทุนภาคเอกชน และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีแม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การลงทุนภาครัฐที่จะต้องมีการใช้อย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ