ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้อง คดีที่ผู้ใช้บริการรับชมรายการ โทรทัศน์ที่แพร่ภาพและเสียงบนอินเตอร์เน็ต (Over The Top หรือ OTT) ผ่านแอปพลิเคชัน ฟ้องว่าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กับพวก ละเลยต่อหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ในการกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินกิจการของผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ที่ให้บริการระบบ OTT มิให้มีการแทรกโฆษณาคั่นการชมรายการโทรทัศน์ที่เป็นบริการทั่วไป ที่ผู้ประกอบกิจการนั้นนำสัญญาณมาถ่ายทอดผ่านแอปพลิเคชันของตน ในลักษณะที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
โดยเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการฟ้องคดีนี้เป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าตนได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย อันเนื่องจากการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ในการกำกับดูแล การให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT ของผู้ประกอบกิจการรายนี้ ซึ่งเป็นกิจการให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะ หรือรายการ ไปยังเครื่องรับที่สามารถรับชมและฟังโดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือหลายระบบรวมกัน อันเป็นกิจการที่จัดอยู่ในนิยามของคำว่า "กิจการโทรทัศน์" ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคม 2553 ซึ่งบัญญัติ ว่า "กิจการโทรทัศน์" หมายความว่า กิจการวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรทัศน์ ซึ่งให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยังเครื่องรับที่สามารถรับชมและฟัง การให้บริการนั้นๆ ได้ ไม่ว่าจะส่งโดยผ่านระบบคลื่นความถี่ ระบบลาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบโตระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน หรือกิจการอื่นทำนองเดียวกันที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการโทรทัศน์ กรณีจึงเป็นการฟ้องคดีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวลาช้า เกินสมควร ตามมาตรา 4 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
โดยผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ กสทช. กำหนดหลักเกณฑ์และดำเนินการกำกับดูแลกิจการให้บริการแพร่ภาพผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโครงข่ายอื่นที่ไม่ใช่โครงข่ายกระจาย เสียงหรือโทรทัศน์แบบดั้งเดิม (Over the Top หรือ OTT) และดำเนินการกำกับดูแลกิจการดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคโดยอาศัยการแทรกโฆษณาระหว่างชมรายการ รวมทั้งให้ผู้ประกอบ กิจการโทรทัศน์แบบ OTT ต้องได้รับใบอนุญาตจากกสทช.เพื่อให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายตามคำฟ้องของผู้ฟ้องคดี จึงต้องมีคำบังคับโดยการสั่งให้หัวหน้าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติ ตามหน้าที่ภายในเวลาที่ศาลกำหนด ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครอง และโดยที่การฟ้องคดีนี้ เป็นการฟ้องคดีโดยมีข้อหาหลักว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามละเลยต่อหน้าที่ในการออกหลักเกณฑ์ในการกำกับ ดูแลการให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT และไม่กำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ เพื่อมิให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภคโดยอาศัยการใช้เครือข่ายบริการโทรทัศน์เพื่อการโฆษณาอันมีลักษณะ เป็นการแสวงหากำไรเกินควร ศาลปกครองสูงสุดจึงเห็นว่าผลจากคำพิพากษานี้จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็น และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชน ทั่วไป กรณีถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นฟ้องคดีเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542