นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศพร้อมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที ในวันที่เปิดสมัยประชุมสภา 3 มิถุนายนนี้ ว่า การประกาศดังกล่าวล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่สภายังไม่มีการเปิดประชุมสภา ทั้งที่ผ่านมาก็ร่วมบริหารงานกันมา 2 ปี ตนเองก็งงเช่นกันว่า การขอยื่นดังกล่าวมีความเหมาะสมกับช่วงเวลานี้หรือไม่ เพราะขณะนี้ยังมีคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 อยู่ และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะต้องใช้เสียง สส. 1 ใน 5 ของจำนวน สส. ที่มีอยู่ หรือ 99 เสียง แต่พรรคภูมิใจไทยมีเพียง 69 คน ดังนั้น จึงขอโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน หรือหากพรรคภูมิใจจะอภิปรายรัฐบาลปัจจุบัน ก็อาจจะมีคำถามจากสังคมว่า ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยบริหารกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน พรรคภูมิใจไทยได้ทำอะไรไว้ ตนเองจึงมองว่า ยังไม่มีความเหมาะสมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็ถือเป็นสิทธิของพรรคภูมิใจไทย และยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมชี้แจง
ทั้งนี้ นางมนพร แนะนำให้พรรคภูมิใจไทยไปประชุมกันร่วมกับฝ่ายค้านก่อน เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาชน มี สส.กว่า 140 คน แต่พรรคภูมิใจไทยมี สส.เพียง 69 คน ก็ยังไม่มีการแถลงใดๆ โดยผู้นำฝ่ายค้านฯ
ส่วนประเมินว่าพรรคประชาชนจะสนับสนุนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้หรือไม่นั้น นางมนพร ปฏิเสธให้ความเห็น แต่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในขณะนี้เป็น สส.จากพรรคประชาชน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย
ขณะเดียวกัน นางมนพร ปฏิเสธที่จะประเมินการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคภูมิใจไทย เพราะให้เกียรติทุกพรรค แต่มองการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยขณะนี้ ก็ไม่มั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายค้านกันแน่ เพราะยังไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านใด ๆ เพิ่งก้าวขาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเวลานี้ ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
นางมนพร ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาหลังการเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ว่า ในสมัยประชุมนี้ เดิมวาระของสภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลกำลังรับฟังความเห็นของประชาชน และสร้างความเข้าใจในร่างกฎหมายเกี่ยวกับกาสิโน ที่มีเพียง 10% ของพื้นที่ และยังคงต้องใช้เวลาอีก ดังนั้น จึงเห็นควรเลื่อนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน โดยจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสังคมสันติสุข หรือร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันเสนอ เป็นเรื่องแรก รวมถึงยังมีร่างกฎหมายอื่นๆ ที่คณะกรรมาธิการกำลังพิจารณาแล้วเสร็จ เช่น ชุดร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยจะเร่งรัดให้กรรมาธิการฯ พิจารณาให้แล้วเสร็จ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรให้ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งคาดว่าสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาแล้วเสร็จ และส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้แล้วเสร็จในช่วงเดือนกันยายนนี้ คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้ จะมีผลบังคับใช้
ส่วนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลจะยังมีเสถียรภาพหรือไม่ หลังจำนวน สส. เหลือใกล้เคียงกับฝ่ายค้าน นางมนพร ยอมรับว่า ทุกคนมีความห่วใยในเรื่อนี้ แต่จากการพูดคุยกับพรรคร่วมฯ แล้ว ถ้า สส.รู้จักกาทำหน้าที่ เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ก็เชื่อมั่นว่า กฎหมายทุกฉบับจะผ่านไปได้ด้วยดี
เมื่อถามว่ากังวลต่อเสียงของวุฒิสภาที่จะตีกลับชุดร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพราะพรรคภูมิใจไทยถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นางมนพร เห็นว่าการเสนอร่างกฎหมายสำคัญๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ได้ยึดแค่พรรคภูมิใจไทย แต่หลายพรรคฯ ก็เห็นด้วย รวมถึงพรรคประชาชน เพราะหากนโยบายนี้สำเร็จ ประชาชนก็จะได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หาก สว. คิดเรื่องมิติการเมือง ก็ขอให้คำนึงถึงประชาชน และในทางกลับกันหากกฎหมายนี้ไม่ถูกตีกลับ ก็จะไม่เป็นการตอกย้ำว่า สว. เป็นคนของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง จึงขอให้แสดงตนและคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง