นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยในส่วนของสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งอิสราเอลและอิหร่านนั้น รัฐบาล โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีคำสั่งให้ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งเบนซินและดีเซล พร้อมใช้กลไกกองทุนรักษาเสถียรภาพด้านราคาภายในประเทศ รวมถึงบริหารจัดการน้ำมันสำรองในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งดำเนินการอย่างจริงจังกับปัญหาขยะอุตสาหกรรมและการลักลอบนำเข้าวัตถุอันตรายภายใต้ฉากหน้าของธุรกิจรีไซเคิล โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ "ทีมสุดซอย" ซึ่งนำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรี บุกตรวจสอบโรงงานลักลอบประกอบกิจการผิดกฎหมายในจังหวัดปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา พบว่ามีการซุกซ่อนขยะพิษ วัตถุอันตราย และลักลอบคัดแยก เศษอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมกว่า 8,000 ตัน พร้อมยึดอายัดของกลาง และเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับดำเนินการเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ กรณีของบริษัท เซ็ตเมทอล จังหวัดปราจีนบุรี พบการฝ่าฝืนคำสั่งปิดกิจการ แอบเดินเครื่องรีไซเคิลสายไฟและลักลอบปล่อยเช่าพื้นที่ให้ชาวต่างชาติใช้เป็นศูนย์กลางคัดแยกขยะ ส่วนกรณี "หย่งถังไทย" จังหวัดฉะเชิงเทรา ตรวจพบการนำเข้าเศษโลหะและแบตเตอรี่ปนเปื้อนจากต่างประเทศ ภายใต้ฉากหน้าการแจกจ่ายดินให้ชาวบ้าน ทั้งนี้ มีข้อมูลว่าเป็นขบวนการทุนเทาจากต่างชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานแยกขยะ โดยไม่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และยังทิ้งภาระมลพิษไว้ในประเทศ
รัฐบาลขอเน้นย้ำว่า จะไม่ยอมให้ประเทศไทยกลายเป็นถังขยะของโลก และจะไม่ยอมให้ประชาชนต้องรับภาระราคาพลังงานที่ผันผวนจากปัจจัยภายนอก